×

CardX ห่วงปรับยอดชำระบัตรเครดิตขั้นต่ำเป็น 8% ทำคนเป็นหนี้เสียเพิ่ม เตรียมใช้ระบบ Cloud Native ยกระดับการบริหารความเสี่ยง

21.08.2023
  • LOADING...
ชำระขั้นต่ำ บัตรเครดิต

CardX รับแบงก์ชาติปรับยอดชำระบัตรเครดิตขั้นต่ำเป็น 8% สะเทือนความสามารถชำระหนี้ลูกค้าบางส่วน เตรียมใช้ระบบ Cloud Native ยกระดับการบริหารความเสี่ยง เพิ่มศักยภาพการติดตามหนี้ พร้อมเดินหน้าปั้น ROE เพิ่มเป็น 18-20% ภายใน 3 ปี

 

สารัชต์ รัตนาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด (CardX) หนึ่งในยานลูกของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงิน SCBX ประเมินว่า การเตรียมปรับเพิ่มอัตราจ่ายยอดบัตรเครดิตขั้นต่ำเป็น 8% ในปี 2567 และจะเพิ่มเป็น 10% ในปี 2568 หลังจากที่ในช่วงโควิดที่ผ่านมาได้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 5% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจมีผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าบางส่วนของบริษัท และมีความเป็นไปได้ที่เมื่อนำเรื่องดังกล่าวมารวมกับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อาจทำให้หนี้เสียปรับเพิ่มขึ้น

 

“เมื่อมีการขยับอัตราการชำระบัตรเครดิตขั้นต่ำเป็น 8% ในปีหน้าอาจมีคนจำนวนหนึ่งที่จ่ายไม่ไหวและกลายเป็นหนี้เสีย เพราะหนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบันก็อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงถึง 90.6% ต่อ GDP อยู่แล้ว” สารัชต์กล่าว

 

สารัชต์ระบุว่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พอร์ตสินเชื่อรวมของ CardX มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.17 แสนล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อบัตรเครดิต 5.35 หมื่นล้านบาท และสินเชื่อส่วนบุคคล 6.35 หมื่นล้านบาท และมีจำนวนฐานลูกค้าบัตรเครดิตอยู่ที่ 2,142,000 บัตร และสินเชื่อบุคคล 1,080,000 บัญชี โดยจากการสำรวจของบริษัทพบว่ามีลูกค้าบัตรเครดิตที่เข้าข่ายจะได้รับผลกระทบจากการปรับยอดชำระขั้นต่ำอยู่ราว 160,000 ราย หรือคิดเป็นประมาณ 8% 

 

ขณะที่ตัวเลขลูกค้าสินเชื่อบุคคลของบริษัทที่เข้าข่ายเป็นหนี้เรื้อรัง (Persistent Debt) ตามนิยาม ธปท. คือผ่อนชำระขั้นต่ำมาเกิน 5 ปี ไม่สามารถปิดจบหนี้ได้ และมีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน พบว่ามีสัดส่วนไม่ถึง 5% เนื่องจากฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของ CardX ถูกถ่ายโอนมาจากธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีรายได้สูงกว่า 20,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นคนละเซ็กเมนต์กับลูกค้าในกลุ่มนอนแบงก์

 

“หนี้เสียหรือ NPL ของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาอยู่ที่ราว 2.7-2.8% ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี หากมองปัจจัยต่อไปในระยะข้างหน้า ทั้งจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ยอดสินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) ที่ปรับสูงขึ้น มาตรการ ธปท. ทั้งเรื่องหนี้เรื้อรังและปรับการเพิ่มยอดชำระขั้นต่ำบัตรเครดิต ก็ถือเป็นความท้าทายของบริษัทในการบริหารคุณภาพหนี้ของพอร์ต” สารัชต์กล่าว

 

สารัชต์กล่าวอีกว่า จากความเสี่ยงในข้างต้น ทำให้กลยุทธ์การเติบโตของ CardX ในปีนี้และปีหน้าจะให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมีคุณภาพเป็นหลัก ไม่เน้นการเติบโตในแง่ของยอดสินเชื่อ ขณะเดียวกันบริษัทก็ยังอยู่ระหว่างพัฒนาและวางระบบเทคโนโลยีหลังบ้านใหม่ ซึ่งใช้งบลงทุนไปถึง 2 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปีหน้า

 

“เทคโนโลยีใหม่ของเราเป็น Cloud Native ซึ่งถือว่าทันสมัยที่สุด เราจะสามารถดูข้อมูลต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ ทำ Data Analytics เพื่อยกระดับการบริหารความเสี่ยง นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning เข้ามาช่วยขยายฐานลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการกลั่นกรองสินเชื่อ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพด้านการติดตามหนี้เพื่อเพิ่ม Recovery Rate ให้สูงขึ้นได้ด้วย” สารัชต์กล่าว

 

สารัชต์กล่าวว่า ในระยะยาว CardX ตั้งเป้าหมายจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็น 3 อันดับแรกของตลาด และจะเพิ่มอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity: ROE) จากปัจจุบันที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 10% เป็น 18-20% ภายในปี 2568-2569 โดยหากการเติบโตเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ก็อาจนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising