เมื่อรู้ว่าผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์อย่าง CHANINTR เปิดคาเฟ่ใหม่ ความสนใจของเราพุ่งตรงไปที่ดีไซน์ของร้านทันทีโดยแทบไม่ได้คิดถึงเรื่องอาหารเป็นอย่างแรก มากไปกว่านั้นเมื่อคาเฟ่ที่เรากำลังพูดถึงเป็นส่วนหนึ่งของโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ CHANINTR CRAFT ที่รวมเฟอร์นิเจอร์ซึ่งว่ากันว่าเป็น ‘ที่สุด’ ของงานฝีมือ วิธีการเลือกสรรเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นมาจัดวางในคาเฟ่ ราวกับให้ลูกค้าได้ลองใช้จริงระหว่างอร่อยกับมื้ออาหาร ผ่านรสนิยมในแบบ CHANINTR ก็เป็นอีกอย่างที่เราจับตามอง
The Vibes:
อย่างที่บอกไปก่อนหน้า คาเฟ่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งมองจากภายนอกดูทึบเหมือนกล่องสี่เหลี่ยม แต่เมื่อลอดลานจอดรถเข้ามาจะพบอาคารเป็นแปลนรูปตัว C ล้อมต้นจามจุรีใหญ่อยู่ มองจากจุดนี้เราอดใจไม่ให้หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปยากเหลือเกิน เพราะต้นจามจุรีกับฉากหลังที่เป็นช่องกระจกทรงสูงของ Café Craft นั้นเรียบเท่แบบไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมากมาย
Café Craft ยึดครองพื้นที่ชั้น 1 ของที่นี่ ด้วยดีไซน์ที่ดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่เมื่อฟังคำอธิบายแล้วอุดมไปด้วยเรื่องราว และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่จดได้ยาวเป็นหน้ากระดาษ แน่นอนว่าทาง CHANINTR มอบหมายให้ Albano Daminato ผู้อำนวยการสร้างสรรค์คนประจำของแบรนด์ชาวอิตาเลียน เนรมิตความสวยของ Café Craft ขึ้นมาให้ชูความรู้สึกอบอุ่นแบบบ้านที่ไม่ใช่แค่ ‘สวย’ แต่ ‘สบาย’ คล้องกันไปกับเมนูอาหารในร้านที่นำเสนอความคลาสสิกแบบ Home Cooking
ความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ว่าผุดขึ้นมาในหัวของเราตั้งแต่เห็นผนังตกแต่งกระเบื้องสีเอิร์ธโทนทรงกระบอกตัดครึ่งตามยาวที่ต้อนรับอยู่ตรงทางเข้าร้าน ยิ่งเมื่อมีโคมไฟกลมใหญ่ห้อยจากผนัง และเก้าอี้ยาวบุหนังวัวสีน้ำตาลอมส้มมาวางเสริมกัน มุมต้อนรับนี้ก็กลายเป็นมุมถ่ายรูปที่ใช้คำว่า ‘ฮิต’ ก็ยังไม่พอ เพราะเดินผ่านมากี่ทีก็ไม่เคยว่างให้เราแทรกตัวเข้าไปเก็บภาพได้ง่ายๆ
จากมุมต้อนรับสู่ทางเดินเข้าส่วนในของร้าน ซึ่งตกแต่งเป็นแบบกึ่งเรือนกระจก โดยมีโต๊ะอาหารอยู่ทางซ้ายมือ และขวามือเป็นชั้นวางของขายสารพัดที่ทาง CHANINTR ตั้งใจจะเสริมมุมขายไลฟ์สไตล์โปรดักต์ที่เกี่ยวข้องกับคาเฟ่แห่งนี้โดยตรง ทั้งหนังสือแต่งบ้าน ของใช้กระจุกกระจิกในครัว จานชามแบบเดียวกับที่ใช้เสิร์ฟอยู่ในคาเฟ่ ไปจนถึงวัตถุดิบบางส่วนที่ใช้ปรุงอาหารในคาเฟ่อย่างเส้นพาสต้า น้ำมันมะกอก และชา เป็นต้น
เมื่อเดินเข้าถึงส่วนในสุดของร้าน เราหยุดนึกถึงภาพของคาเฟ่ในร้านเฟอร์นิเจอร์สไตล์สแกนดิเนเวียในย่านฮิปของโตเกียวไม่ได้เลยจริงๆ เพราะสำหรับเรา ความลงตัวที่มาจากการจับไม้คอร์ก (แบบเดียวกับจุกไวน์แต่คุณภาพสูงกว่า) มาบุตกแต่งผนัง มาชนกับโคมไฟห้อยเพดานทำจากกระดาษวาชิของญี่ปุ่น คือนิยามของลูกผสมที่คนดีไซน์กำลังเรียกกันติดปากว่า ‘Scandi-Japanese style’ ส่วนผสมที่ออกมาลงตัวแบบนี้เป็นอะไรที่เราไม่มีโอกาสได้เห็นมานานแล้วตั้งแต่เกิดโควิด-19 จนบินไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ ไม่ได้ นี่ยังไม่นับรวมเพดานแปะกระเบื้องสีเทอราคอตตาชิ้นเล็กๆ ที่ควรแค่แก่การแหงนหน้าขึ้นไปชมมากเลย
The Dishes:
ถึงเวลาเปลี่ยนความสนใจมาที่อาหารและเครื่องดื่มที่เสิร์ฟในร้านบ้าง ถ้ามองผ่านๆ จากชื่อเมนูแรกไปถึงเมนูสุดท้าย อาจเห็นว่าที่นี้เสิร์ฟอาหารเมนูเรียบง่าย ไม่หวือหวา และหากินได้ทั่วไป แต่ในความเรียบง่ายนั้น CHANINTR ย้ำว่าจุดเด่นของอาหารที่นี่คือคุณภาพวัตถุดิบที่ต้องเป็นของดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ชุดข้าวต้ม (360 บาท) ที่พิถีพิถันตั้งแต่การเลือกข้าว ไปจนถึงกุนเชียงคุณภาพดี และยำผักกาดดองที่ทางร้านต้องดองเองเท่านั้น หรือจะเป็น อะโวคาโดโทสต์ (290 บาท) ที่ดูเหมือนพื้นๆ แต่คัดอะโวคาโดเกรดหนึ่งจากนิวซีแลนด์ ราดด้วยน้ำมันมะกอกจากเกาะซิซิลี ประเทศอิตาลี เท่านั้น
ไม่ก็ตัวเลือกง่ายๆ แต่ไม่ผิดหวังแน่นอนอย่าง ข้าวผัดกะเพราไก่ (220 บาท) ที่ใช้ข้าวหอมมะลิเม็ดร่วน มาผัดกับไก่หั่นเป็นลูกเต๋าเล็กจิ๋ว และโปะด้วยไข่ดาวกรอบ
อาหารบางจานยังมีลูกเล่นที่มาจากการดัดแปลงของทาง CHANINTR เอง และจานนี้ถือเป็นจานโปรดของเรา นั่นคือ พาสต้า Casarecce (290 บาท) ผัดกับไก่หั่นเป็นชิ้นจิ๋วและซอสเพสโต้ ถ้าถามว่าอะไรบ้างที่เป็นการดัดแปลงพาสต้าซอสเพสโต้ในจานนี้ หนึ่งคือการใช้เนื้อไก่ที่แทบหาที่ไหนทำไม่ได้ สองคือการเสริมบรอกโคลีสับเข้าไปในความเขียวของซอสเพสโต้ เพื่อเพิ่มรสสัมผัสกรุบๆ ให้อร่อยไปอีกแบบ
เราอยากเสริมว่าขาดื่มก็แวะมาจิบที่นี่ได้เหมือนกัน ยิ่งในบรรยากาศตอนเย็นและกลางคืนที่แสงไฟจากโคมไฟสวยๆ ในร้านจะได้โอกาสเล่นบทพระเอก ที่นี่มีเมนูค็อกเทลอยู่นิดหน่อย และมีไวน์ออร์แกนิก และ Biodynamic ให้เลือกดื่ม ซึ่งถ้าจะให้เพลินขึ้นอีกก็ควรจะสั่ง Iberico Plate (680 บาท) ที่ทางร้านเลือกใช้แฮม Pata Negra มากินจุบจิบคู่กัน
บริเวณโชว์รูมชั้นบน
บริเวณโชว์รูมชั้นบน
สุดท้ายเราอยากบอกทุกคนที่กำลังตัดสินจะมาชิมอาหารที่นี่ แต่หวั่นใจเรื่องคิวที่ยาวเหยียดว่า การรอไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย เพราะระหว่างนั้นพื้นที่อีกหลายชั้นของ CHANINTR CRAFT ยังมีเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เท่อย่างเช่น Louis Poulsen Carl Hansen & Søn และ Fredericia จัดจำลองในบรรยากาศบ้านที่อบอุ่นให้เดินชมกันแบบเพลินๆ โดยเฉพาะโซนชั้น 3 ที่ติดกับผนังกระจกสูง ซึ่งออกแบบมาให้รับแสงแดดสวยๆ ตอนบ่ายพอดี ถือเป็นมุมที่ต้องเดินเข้าไปชมให้ได้
Cafe Craft
Open: เปิดบริการทุกวัน 11.00-21.30 น.
Address: ระหว่างทองหล่อ 18 กับทองหล่อ 20 (ตรงข้ามโรงพยาบาลคามิลเลียน)
Budget:
Contact: 0 2059 7759
Map:
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์