วันนี้ (2 เมษายน) จากกรณีศาลฎีกามีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล สส. เขต 8 นครศรีธรรมราช พรรคภูมิใจไทย ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี จากเรื่องซื้อเสียง ส่งผลให้ต้องมีการเลือกตั้งซ่อมในเขตดังกล่าว และเริ่มรับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งกันตั้งแต่วันนี้ 2-6 เมษายน และจะมีการเลือกตั้งวันที่ 27 เมษายนนั้น
พรรคภูมิใจไทยในฐานะแชมป์เก่าส่ง ‘ไสว เลื่องสีนิล’ สามีของมุกดาวรรณ ลงสมัครรับเลือกตั้งแทน โดยพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในฐานะผู้นำทัพภาคใต้ ยืนยันว่า ต้องพยายามให้ถึงที่สุด เพราะส่วนมากที่ลงไปต่อสู้กันก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนจะมีการหลีกให้กันหรือไม่ คิดว่าแล้วแต่พรรคร่วมจะพิจารณา แต่โดยมารยาทเราเป็นผู้เสียหายเราก็ต้องส่ง
ขณะเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์แถลงข่าวเปิดตัว ‘ชินวรณ์ บุญยเกียรติ’ อดีต สส. นครศรีธรรมราช 9 สมัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมใน เขต 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช ในนามพรรค พร้อมทั้ง มั่นใจว่าจะสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้
ขณะที่ พรรคกล้าธรรมได้มติส่ง ‘ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ’ ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยก้องเกียรติ เป็นอดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.จ.)โดยที่ผ่านมาได้เดินหน้าทำพื้นที่ในนามพรรคกล้าธรรมมาระยะหนึ่งแล้ว ที่สำคัญเขายังเป็นลูกเขยของชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีต สส. นครศรีธรรมราช 9 สมัย พรรคประชาธิปัตย์และเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ด้วย
ส่วนฝ่ายค้าน พรรคประชาชนส่ง ‘ณัฐกิตต์ อยู่ด้วง’ ลงชิงศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ โดยจะมีการทำไพรมารีโหวตเพื่อรับรองผู้สมัครอย่างเป็นทางการต่อไป ณัฐกิตต์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านวิศวกรรมจากประเทศฟิลิปปินส์ ปัจจุบันอายุ 31 ปี มีประสบการณ์การทำงานทั้งในวงการวิชาการและงานการเมือง เคยเป็นนักวิจัยและอาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์และบัญชีม้า ประจำ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอาจารย์สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐนั้น ฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส. พังงา ในฐานะรองหัวหน้าพรรค เปิดเผยว่า พรรคพลังประชารัฐ จะไม่ส่งผู้สมัครในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เพราะให้เกียรติพรรคเดิม เราในฐานะที่เป็นฝ่ายค้านก็เตรียมการเลือกตั้งในปี 70 และเราเห็นใจพรรคเจ้าของพื้นที่เดิม ในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองเหมือนกัน เคยทำงานร่วมกันมา นอกจากนี้ เสียงของฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลก็ต่างกันมาก ถ้าเราได้เพิ่มมาอีกหนึ่งเสียงก็อาจจะช่วยแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ไม่มากนัก ดังนั้น เราเตรียมความพร้อมในการลงสมัคร สส. ครั้งต่อไปน่าจะเหมาะสมกว่า
