ในเมืองศรีราชามีร้านอาหารที่น่ารักอยู่ ร้านนี้คือ butter diner & bourbon coffee ของ โบ-ณัฏฐนิช ผิวสว่าง และ บัตเตอร์-ณัฐวัฒน์ ผิวสว่าง สองพี่น้องชาวศรีราชาที่รักในการทำอาหารโฮมเมดจากวัตถุดิบที่เลือกมาจากชุมชนศรีราชา ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ หรืออาหารทะเล ล้วนเป็นวัตถุดิบที่สดใหม่จากชุมชน
butter diner เป็นร้านอาหารที่อยู่ในตึกเก่าอายุกว่า 40 ปีในเมืองศรีราชา เมื่อได้รับการรีโนเวตตึกแห่งนี้ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ยังคงมีเสน่ห์ตามแบบฉบับตึกเก่า การตกแต่งร้านนั้นเป็นไปด้วยความเรียบง่ายโดยที่ทีมงานร้านลงมือทำเองทั้งหมดด้วยเหตุผลของงบประมาณที่มีจำกัด และด้วยความช่วยเหลือของ คนโปรด-อริณญา อารยวุฒิ อินทีเรียและมาร์เก็ตติ้งของร้าน พวกเขาก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว
บรรยากาศร้าน
ในร้านจะมีตู้ถ่ายรูปที่ดีไซน์เข้ากับร้านวางอยู่ โดยในทุกเทศกาลจะมีเทมเพลตกรอบรูปใหม่ๆ ให้เลือกอยู่เสมอ โดยคุณสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ในราคาใบละ 100 บาท
บรรยากาศร้าน
อาหารของร้าน
อาหารของ butter diner นั้นถูกสร้างสรรค์โดยฝีมือของบัตเตอร์ที่เป็นทั้งเจ้าของร้านและเชฟประจำร้าน โดยสิ่งที่ทางร้านเน้นเป็นพิเศษคือวัตถุดิบที่ใช้ในร้านนั้นจะต้องเป็นวัตถุดิบโลคัลเพื่อช่วยอุดหนุนคนในชุมชนตลาดศรีราชา และในส่วนของอาหารทะเลนั้นทางร้านก็ไปรับมาโดยตรงจากชาวประมงในศรีราชาเลย ดังนั้นเมนูที่มีในแต่ละวันอาจจะถูกปรับเปลี่ยนไปบ้างแล้วแต่วัตถุดิบที่ทางร้านได้มา แต่ทางร้านจะแจ้งกับคุณก่อนเสมอ
แต่เดิม butter diner เคยเป็น butter butcher ร้านข้าวกล่องที่ขายออนไลน์มาก่อน และเป็นที่รู้กันดีในหมู่คนที่เคยสั่งว่าข้าวกล่องจากร้านนี้จะโดดเด่นที่เมนูข้าวหน้าเนื้อ เมื่อ butter butcher เติบโตขึ้นมาเป็น butter diner แล้ว เมนูจากเนื้อก็ยังคงเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน
เมื่อได้วัตถุดิบมาแล้ว บัตเตอร์ก็จะสร้างเมนูทวิสต์ฟิวชันที่หลากหลาย ทั้งไทย ญี่ปุ่น เกาหลี อิตาเลียน แต่ก็ยังคงใส่ซิกเนเจอร์ของความเป็นโลคัลไปด้วย อย่างเมนูข้าวผัดกิมจิ เขาก็เลือกใช้ซอสศรีราชาแทนโคชูจัง
Pancake Salmon (150 บาท)
Truffle on Brioche (150 บาท) และ Crispy Duck Salad (220 บาท)
เริ่มที่เมนูอาหารเรียกน้ำย่อย Truffle on Brioche (150 บาท) บริยอชบันที่ทางร้านทำเอง พร้อมครีมทรัฟเฟิลที่กลิ่นชัดเจน ตัดด้วยความเค็มของพาร์เมซานชีสที่ด้านบน เป็นเมนูที่ใครมาเป็นต้องสั่ง ส่วน Pancake Salmon (150 บาท) เป็นแพนเค้กชิ้นเล็กพอดีคำที่ทาด้วยครีมชีส ท็อปด้วยแซลมอนรมควัน เพิ่มรสชาติด้วยหอมแดงดอง เคเปอร์ และผักชีฝรั่ง ส่วน Crispy Duck Salad (220 บาท) สลัดของทางร้านก็น่าสนใจทีเดียว เพราะเป็นสลัดที่ผักสลัดหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามที่ทางร้านจะได้วัตถุดิบมา กินคู่กับเป็ดกงฟีที่กรอบนอกนุ่มใน เพิ่มรสชาติด้วยส้ม น้ำสลัดญี่ปุ่น และเม็ดมะม่วงหิมพานต์
Beef Steak (550 บาท)
Smoked Duck Aglio Olio Pasta (280 บาท)
ส่วนจานหลักของทางร้านอย่าง Smoked Duck Aglio Olio Pasta (280 บาท) เมื่ออาหารเรียกน้ำย่อยเป็นทรัฟเฟิลที่รสชาติหนักแล้ว พาสต้าของทางร้านจึงเป็นพาสต้าที่รสชาติเผ็ดจัดจ้านด้วยการผัดแห้งกับพริกแห้ง กระเทียม และน้ำมันมะกอก เสิร์ฟพร้อมกับเป็ดรมควันและโรยด้วยพาร์เมซานชีส เป็นเมนูใหม่ที่ควรลอง และเมนูซิกเนเจอร์ที่เป็นเนื้อวัวคือ Beef Steak (550 บาท) ที่ใช้เนื้อออสเตรเลียส่วนสตริปลอยน์ของวัวที่เลี้ยงแบบ Grassfed ความสุกกำลังดี ราดด้วยซอสสูตรของทางร้าน กินคู่กับมันบดละเอียดเนียนนุ่มและหน่อไม้ฝรั่ง
ขนมและเครื่องดื่มของร้าน
Espresso with Ice Cream (110 บาท) และ Blueberry Crumble (110 บาท)
Einspanner (100 บาท)
“ด้วยความที่ร้านหน้าตาเหมือนคาเฟ่ เราไม่อยากให้คนคิดว่าเราเป็นคาเฟ่ที่มีอาหารเสิร์ฟ แต่เราอยากเป็นร้านอาหารที่มีกาแฟดีๆ เสิร์ฟ”
ในส่วนของ bourbon coffee เมนูกาแฟในร้านนั้นใช้เฮาส์เบลนด์คั่วกลางที่มาจากการผสมกันของเมล็ดกาแฟจากเชียงรายและบราซิล ที่มีเทสต์โน้ตออกทางนัตตี้แต่ก็ยังเจือกลิ่นของส้มที่สดชื่น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ชอบกาแฟโทนนัตตี้หรือฟรุตตี้ก็สามารถดื่มกาแฟของที่ร้านได้ และที่สำคัญคือกาแฟของทางร้านจะไม่หวานเลย อย่างเมนู Einspanner (100 บาท) ที่เป็นอเมริกาโนด้านล่างและท็อปด้วยครีมผสมนมรสชาติไม่หนักมาก ดื่มได้แบบสบายๆ ส่วนเมนูที่ไม่ใช่กาแฟนั้นก็ทำออกมาเป็นรสชาติหวานน้อยกำลังดี
ขนมของร้านก็เป็นขนมโฮมเมดที่คิดมาแล้วว่าเข้ากับเครื่องดื่ม และค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ของทางร้านชนิดที่ว่าถ้าติดใจจะต้องมากินที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น Blueberry Crumble (110 บาท) หรือจะเป็น Espresso with Ice Cream (110 บาท) ที่เป็นไอศกรีมโฮมเมดรสนมจากจังหวัดเชียงใหม่ ราดด้วยช็อตเอสเพรสโซ ให้ความรู้สึกเหมือนทั้งกินขนมและดื่มกาแฟไปพร้อมกัน
บรรยากาศร้าน here for sth
นอกจากร้านอาหารและร้านกาแฟแล้ว ชั้นสองของร้านนั้นเป็นพื้นที่ของร้าน here for sth ที่มีเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ ปาล์มมี่-ดรัณ ชนัฐฐิติเดช เป็นคนเลือกมาวางไว้เองกับมือ โดยส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้าจากแบรนด์ pormor ของปาล์มมี่เอง ข้อดีของ pormor นั้นเป็นแบรนด์ที่ทุกคนสามารถซื้อเสื้อผ้าในไซส์ของตัวเองได้จริงๆ เพราะทางร้านนั้นคัสตอมให้ตัวต่อตัวเลย แม้ว่าจะต้องรอคิวเล็กน้อย แต่เสื้อผ้าของ pormor ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ถ้ามีโอกาสได้แวะมาที่ศรีราชา อย่าลืมแวะกินอาหาร ดื่มกาแฟ และเดินเลือกซื้อของที่นี่นะ
butter & bourbon
Open: เปิดวันพุธ-จันทร์ เวลา 11.00-20.00 น.
Address: 38-40 ซอยพิพัฒนา 1 อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
Budget: 200-1,000 บาท
Contact: 06 3065 5569
Website: https://www.facebook.com/butterdinerandbourbon
Map: