กลยุทธ์การขาย ‘สินค้าราคาเต็ม’ ได้ผล Burberry ประเมินกำไรประจำปีจะพุ่งขึ้น 35% เมื่อสามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น

ด้วยสถานการณ์โควิดที่ดูเหมือนจะสงบลง แนวคิดของร้านใหม่ที่กำลังเปิดตัวไปทั่วโลก และกลุ่มลูกค้าวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ ที่ซื้อเสื้อผ้าสตรีทแวร์และรองเท้าผ้าใบราคาเต็มของ Burberry Group ทำให้รายรับจากการขายปลีกเพิ่มขึ้น 5% เป็น 723 ล้านปอนด์ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 25 ธันวาคม

การที่ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ Burberry ประเมินกำไรจากการดำเนินงานน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 35% ในปีนี้ โดยมีเหตุผลมาจากการที่สามารถขายสินค้าแฟชั่นหรูในราคาเต็มได้มากขึ้น ซึ่งในไตรมาสที่สามยอดขายเต็มราคาเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบเป็นรายปี และเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับ 2 ปีที่แล้ว

“เรายังคงดึงดูดผู้บริโภคใหม่ๆ ที่อายุน้อยกว่าให้มาที่แบรนด์” เจอร์รี เมอร์ฟี ประธานของ Burberry กล่าว โดยราคาหุ้นของ Burberry เพิ่มขึ้นมากถึง 5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดในรอบ 10 เดือน

Burberry ให้ความสำคัญกับการขายเต็มราคา ตลอดจนลดการจัดจำหน่ายโดยบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่จะทำให้แบรนด์ยกระดับความพรีเมียมขึ้นมาให้เทียบเคียงกับคู่แข่งอย่าง Kering และ LVMH

กระนั้นยังคงมีทางยาวไกลก่อนที่จะสามารถแข่งขันกับแบรนด์หรูอื่นๆ ได้อย่างแท้จริง นักวิเคราะห์กล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะให้แง่บวกกับ Burberry มากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2022 ยังไม่ดีเท่ากับปี 2020-2021

นอกจากนี้โมเมนตัมของแบรนด์/ผลิตภัณฑ์ก็ยังไม่มากเท่าที่ควร โดย Burberry จำเป็นต้องพึ่งพาร้านค้าที่ลดราคาน้อยลง และกระตุ้นแรงผลักดันของแบรนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเครื่องแต่งกายสตรี

ภาพ: David Mareuil/Anadolu Agency/Getty Images

อ้างอิง:

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH