ปรากฏการณ์ ‘กระแสเกาหลี’ ได้ขยายวงกว้างไปไกลกว่าอุตสาหกรรมความบันเทิง เพราะตอนนี้ได้มีอิทธิพลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและทำให้การลงทุนของเกาหลีใต้ในสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก
ความสนใจและการลงทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ได้รับการขนานนามเรียกขานว่า ‘BTS Bump’ ซึ่งตั้งชื่อตามวงบอยแบนด์ยอดนิยมของเกาหลีอย่าง BTS ที่ครองใจคนทั่วโลกและมีบทบาทสำคัญในการทำให้ K-Pop โด่งกันไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
ธุรกิจของเกาหลีใต้ได้เห็นการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ทศวรรษที่ผ่านมา ในปี 2021 สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ รายงานว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จากเกาหลีใต้เข้าสู่สหรัฐฯ สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 7.25 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- จากติ่งเกาหลี สู่ปรากฏการณ์เชิงธุรกิจระดับโลก เปิดเบื้องหลังที่พลิกวง BTS ให้เป็นเรื่องมากกว่าดนตรี
- จากวง BTS ถึง BLACKPINK ‘อุตสาหกรรม K-Pop’ ต่างตบเท้าส่งศิลปินไปปั้นรายได้ใน ‘โลกของเกม’ แถมยังกล้าลงทุนมหาศาลเพื่อหวังกำไร
- จากบริษัทเกือบล้มละลายสู่ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นเท่าตัว วันนี้ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปลุกปั้นวง BTS จนโด่งดัง มีทรัพย์สินในมือกว่า 1.05 แสนล้านบาท
การลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นนี้มีให้เห็นในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงการผลิต บริการทางการเงิน การค้าส่งและค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ และบริการทางเทคนิค ที่น่าสนใจคือการเพิ่มขึ้นอย่างมากของ FDI ของเกาหลีใต้ในสหรัฐฯ นี้สอดคล้องกับไทม์ไลน์ของวง BTS ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในวงการเพลงของสหรัฐฯ สะท้อนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น 70% ด้วยกัน
ความสำเร็จของวัฒนธรรมป๊อปเกาหลี ซึ่งรวมถึงดนตรี ภาพยนตร์ โทรทัศน์ และแม้แต่อาหารในสหรัฐอเมริกา ได้ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมทางวัฒนธรรมที่ช่วยให้ธุรกิจเกาหลีเจาะตลาดสหรัฐฯ ได้ง่ายขึ้น
‘สายลมแห่งวัฒนธรรม’ นี้ถูกมองว่าเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญสำหรับธุรกิจของเกาหลีใต้ เนื่องจากช่วยให้การเจาะเข้าตลาดเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับธุรกิจต่างชาติที่จะเข้ามา ผู้ประกอบการชาวเกาหลีใต้โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เห็นว่านี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าการประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้นั้นสามารถเกิดขึ้นได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่ความสำเร็จในตลาดสหรัฐฯ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด บริษัทต่างๆ ต้องทำความคุ้นเคยกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับในท้องถิ่น ซึ่งอาจมีความซับซ้อนและท้าทายในการทำธุรกิจ
ยิ่งไปกว่านั้น ตลาดสหรัฐฯ มีการแข่งขันสูง โดยมีผู้เล่นทั้งในและต่างประเทศ ทำให้บริษัทของเกาหลีใต้ยังต้องสร้างความสัมพันธ์กับนักลงทุนและชุมชนในท้องถิ่น และเรียนรู้ความซับซ้อนของภูมิทัศน์ธุรกิจในสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นงานยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพที่ไม่มีทรัพยากรมากมายเท่าบริษัทขนาดใหญ่
ถึงอย่างนั้นกลิ่นหอมของความสำเร็จก็กลบความท้าทายเหล่านั้นไปจนหมด เพราะตลาดสหรัฐฯ มีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากตลาดมีศักยภาพสูง มีเทคโนโลยีขั้นสูง การเข้าถึงเงินทุนและทรัพยากร และนโยบายที่เป็นมิตรต่อธุรกิจ ตลอดจนความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการลงทุนด้วย
ตัวอย่างเช่นกลุ่มบริษัท SK Group ของเกาหลีใต้ได้ประกาศความมุ่งมั่นที่จะลงทุน 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในเทคโนโลยีของสหรัฐฯ นอกจากนี้ Hyundai ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลีใต้ มีแผนที่จะสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดมหึมาในเมืองซาวานนาห์ รัฐจอร์เจีย ด้วยเงินลงทุน 5.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นโครงการพัฒนาเศรษฐกิจเดียวที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของจอร์เจีย
รัฐจอร์เจียได้กลายเป็นจุดสนใจสำหรับการลงทุนของเกาหลีใต้ เนื่องจากรัฐนี้มีประชากรชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีจำนวนมาก และมีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เป็นมิตร
หน่วยงานภาครัฐส่งเสริมธุรกิจเกาหลีใต้อย่างแข็งขันให้จัดตั้งกิจการที่นั่น โดยให้ความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย การศึกษาสำหรับครอบครัวของผู้บริหาร และแม้แต่การดูแลให้มีผู้เชี่ยวชาญที่พูดภาษาเกาหลีได้ในโรงเรียนและบริการทางการแพทย์
กระแสความบันเทิงของเกาหลีใต้มีบทบาทสำคัญในการลดความแตกต่างทางวัฒนธรรมและส่งเสริมความเข้าใจระหว่างสองประเทศ ความนิยมของละครเกาหลีและเพลง K-Pop ช่วยให้ผู้ชมชาวอเมริกันได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กรของเกาหลีใต้ เชื่อมช่องว่างและอำนวยความสะดวกในกระบวนการจ้างงานในท้องถิ่นสำหรับธุรกิจเกาหลีใต้
CJ ENM ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทในเครือของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์เรื่อง Parasite เป็นตัวอย่างที่ดีของความสำเร็จของการส่งออกทางวัฒนธรรมที่กระตุ้นให้อุตสาหกรรมอื่นๆ กล้าเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ
ตลอดจนความนิยมของเนื้อหาเกาหลีใต้ควบคู่ไปกับความสำเร็จของแบรนด์ดังอย่าง Samsung และ Hyundai ได้ปลูกฝังความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจของเกาหลีใต้ ซึ่งจะเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพและเป็นการเปิดเวทีให้บริษัทเกาหลีใต้จำนวนมากขึ้นเข้าสร้างชื่อเสียงในสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ภาพ: Dia Dipasupil / Getty Images
อ้างอิง:
