บอตสวานาประมูลขายใบอนุญาตล่าช้างป่า อ้างเหตุผลความขัดแย้งระหว่างมนุษย์และช้าง

บริษัทจัดประมูล Auction-It ในฐานะตัวแทนรัฐบาลบอตสวานา เปิดประมูลขายใบอนุญาตล่าช้างป่าจำนวน 60 ตัว ด้วยมูลค่าตัวละประมาณ 43,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,347,000 บาท ซึ่งถือเป็นการประมูลขายใบอนุญาตล่าช้างครั้งแรกนับตั้งแต่ที่รัฐบาลบอตสวานายกเลิกข้อห้ามล่าช้างเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างมากต่อกลุ่มเคลื่อนไหวอนุรักษ์สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม

การประมูลขายใบอนุญาตล่าช้างมีขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 กุมภาพันธ์) โดยเปิดประมูล 1 ใบอนุญาตสำหรับการล่าช้าง 10 ตัว ซึ่งผู้ประมูลซื้อล้วนเป็นนักธุรกิจที่หวังทำกำไรจากการขายต่อสิทธิ์ให้แก่ผู้ชื่นชอบการล่าสัตว์ และนอกจากนี้นักล่าที่ได้รับใบอนุญาตให้ล่าช้างยังจำเป็นที่จะต้องจ่ายค่าจ้างแก่นายพรานมืออาชีพเพื่อให้ติดตามไปด้วยในระหว่างการล่า

ใบอนุญาตล่าช้างดังกล่าวจะแบ่งเป็นการล่าในผืนป่าหลายจุดของประเทศ โดยการประมูลขายมีทั้งหมด 7 ชุด ทำราคาได้ตั้งแต่ใบอนุญาตละ 326,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 10,229,000 บาท ไปจนถึง 432,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 13,545,000 บาท แต่มีใบอนุญาตรล่าช้างชุดที่ 7 ที่ไม่เคาะขาย เพราะไม่มีผู้ประมูลซื้อถึงขั้นต่ำที่ 182,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5,703,000 บาท

ปัจจุบันบอตสวานาเป็นประเทศที่มีประชากรช้างป่ามากที่สุดในโลกจำนวนถึง 130,000 ตัว ซึ่งอาศัยอยู่ทั้งในบริเวณผืนป่า บึงน้ำ หรือทุ่งหญ้าสะวันนา

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโมเควซี มาซีซี ของบอตสวานา ประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามล่าช้างอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา โดยอ้างเหตุผลจากความขัดแย้งระหว่างมนุษย์และช้างที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการยกเลิกข้อห้ามล่าช้างดังกล่าวเป็นนโยบายหลักในการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา และทำให้พรรคของมาซีซีสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งได้สำเร็จ

ขณะที่อดีตประธานาธิบดีเอียน คามา ผู้ประกาศคำสั่งห้ามล่าช้างในปี 2014 เพื่อพยายามแก้ไขปัญหาประชากรช้างที่ลดลง ตำหนิการตัดสินใจของผู้นำรัฐบาลชุดปัจจุบันว่าเอารัดเอาเปรียบธรรมชาติเพียงเพราะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน

“ผมต่อต้านการล่าสัตว์ เพราะมันสะท้อนให้เห็นถึงความคิดของผู้ที่สนับสนุนการเอารัดเอาเปรียบธรรมชาติเพื่อประโยชน์ส่วนตน อันจะนำมาซึ่งการสูญพันธุ์ของสัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์ทั่วโลก” คามากล่าว