วันนี้ (17 พฤษภาคม) กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวภายหลังมอบหมายให้ทีมทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากพี่สาวของ เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง เข้าไปขอรับประวัติการรักษาย้อนหลัง 5 วัน และไฟล์ภาพวงจรปิดจากกรมราชทัณฑ์
กฤษฎางค์กล่าวว่า ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ยังไม่ได้มอบข้อมูลที่ขอไป โดยให้เหตุผลว่าการมอบอำนาจไม่ถูกต้อง ตามกฎกระทรวงต้องให้ครอบครัวที่เป็นพ่อ แม่ และพี่สาว เข้าไปรับด้วยตัวเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ยืนยันว่าให้เข้ามารับได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ให้ ทั้งที่พี่สาวมอบอำนาจให้มาขอ แต่ก็ยังไม่ได้ ต้องให้พ่อแม่มาเอาเอง ตนเองไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ให้โดยอ้างเหตุผลนี้
ดังนั้นการที่เขาไม่ให้ เรามองว่าเป็นพิรุธ เพราะเราต้องการเอามาเป็นจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งเพื่อพิสูจน์ว่าเนติพรเสียชีวิตเพราะอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องโทษใคร
เมื่อถามว่า เป็นการประวิงเวลาหรือไม่ กฤษฎางค์ระบุว่า ในเมื่อตนได้รับสัญญาจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์แล้วว่าสามารถเข้าไปรับได้ แต่กลับเป็นเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร มีใครมาสั่งอธิบดีไม่ให้หลักฐานหรือไม่ เพราะเชื่อว่าข้อมูลของแพทย์หรือพยาบาลนั้นคงไม่บิดเบือน
เมื่อถามถึงกรณีที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์เปิดเผยไทม์ไลน์วันเกิดเหตุอีกครั้งต่อสื่อมวลชนว่า เนติพรหมดสติไปช่วงเวลาประมาณ 06.00 น. แล้วไปถึงโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติช่วงเวลา 09.00 น. กฤษฎางค์ระบุว่า สิ่งที่จะยืนยันเรื่องนี้ได้คือเอกสาร ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน ยิ่งให้ช้าตนยิ่งไม่เชื่อ
การที่กรมราชทัณฑ์ออกมาแถลงแบบนี้ ขอย้ำว่าตนไม่เชื่อ และที่บอกว่าสิทธิการเข้าถึงเอกสารต้องเป็นพ่อแม่เท่านั้น แต่ทำไมกลับนำข้อมูลเหล่านี้มาแถลงข่าวโดยไม่ขออนุญาตครอบครัวหรือตนในฐานะทนายความ ทำให้มองว่าเป็นประเด็นที่น่าสงสัยมาก ดังนั้นตราบใดที่ยังไม่ให้เอกสาร ตนย้ำอีกครั้งว่าไม่เชื่อ และขอฝากไปถึงสื่อมวลชนว่าอย่าไปเชื่อจนกว่าจะได้เอกสาร
เมื่อถามว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์อธิบายขั้นตอนการช่วยชีวิตเนติพรตั้งแต่ล้มฟุบลงไป และนำไปปั๊มหัวใจที่ห้องไอซียู ข้อมูลตรงนี้ตรงกับข้อมูลที่ได้รับมาจาก ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน ที่พักในห้องผู้ป่วยเดียวกันกับบุ้งหรือไม่ กฤษฎางค์กล่าวว่า ไม่ตรงกัน แต่ขอยังไม่เปิดเผยว่าไม่ตรงส่วนไหนบ้าง เพราะอยากให้ข้อเท็จจริงที่กรมราชทัณฑ์แถลงหมดสิ้นกระแสความก่อน
กฤษฎางค์กล่าวต่อว่า ตอนนี้ตะวันอยู่ในฐานะที่ลำบาก เพราะเป็นพยานปากสำคัญคนหนึ่ง และตอนนี้ตนไม่อยากอ้างอิงถึงตะวัน เพราะอยู่ในอาการตกใจ แต่สิ่งที่จะยืนยันได้คือภาพวงจรปิด การที่กรมราชทัณฑ์แถลงข้อมูลดังกล่าวต่อสื่อมวลชนแล้ว ก็ควรนำมาเปิดเผยให้เห็นกันไปเลย เพราะมองว่าเป็นสิ่งที่ยุติธรรมที่สุดแล้ว หากกังวลว่าจะกระทบใครก็ควรเบลอหน้าไว้
ส่วนกรณีที่กรมราชทัณฑ์จะเปิดห้องไอซียูและห้องพักผู้ป่วยสำหรับผู้ต้องขังของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ให้สื่อดู มองเรื่องนี้อย่างไรบ้าง กฤษฎางค์ระบุว่า ตนไม่ไปดู เพราะไม่รู้มีการตกแต่งสถานที่หรือไม่ และไม่ใช่คิดไปในแง่ร้าย แต่มองว่าขนาดจะพาคนไปดูที่รักษาแล้ว ทำไมไม่ให้เอกสารครอบครัวบุ้งไปเลยให้ชัดเจน
ช่วงท้ายกฤษฎางค์กล่าวว่า ตนและครอบครัวของบุ้งไม่ได้หวังว่าจะเอาผิดใคร เพียงแค่อยากรู้ว่าลูกสาวเขา น้องสาวเขา เสียชีวิตเพราะอะไร พร้อมฝากถึงผู้บริหารและอธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่า เราไม่ได้ประสงค์ที่จะเอาผิดทางคดีกับใคร ไม่ต้องกลัว เราเอาความจริงมาตีแผ่ เพราะคุณเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เพื่อน-พี่น้องนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศล ‘บุ้ง ทะลุวัง’ คืนแรก
- ทนายเปิดสาเหตุการเสียชีวิต ‘บุ้ง ทะลุวัง’ ยืนยันว่าไร้สัญญาณชีพก่อนถึง รพ.ธรรมศาสตร์ฯ