BOI ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับธนาคารยูโอบี ประเทศไทย อย่างเป็นทางการ พร้อมส่งเสริมการลงทุนแก่นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย สนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการขยายการลงทุนไปต่างประเทศ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรม ดึงดูดการลงทุนในไทยและอาเซียน
นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยเป็นแหล่งรองรับการลงทุนที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศเดินหน้าเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตในหลากหลายอุตสาหกรรมสำคัญ ภาพที่เห็นได้ชัดเจนคืออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล
โดยคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 มีจำนวน 910 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 49 คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 398,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 ซึ่งเป็นการลงทุนจากจีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา
ปักหมุดไทย ฐานการผลิตในภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของการลงทุนในประเทศไทยนี้สอดรับกับการประกาศยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนใหม่ของ BOI ในปีที่ผ่านมาที่ได้ปรับเพิ่มบทบาทเชิงรุก รวมถึงสำนักงาน BOI ที่ตั้งอยู่ใน 16 ประเทศทั่วโลกในปัจจุบัน และอีก 3 แห่งที่จะจัดตั้งเพิ่มเติมในปีนี้ ได้แก่ กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย, นครเฉิงตู ประเทศจีน และประเทศสิงคโปร์
“การผนึกกำลังระหว่าง BOI กับธนาคารยูโอบีครั้งนี้จะช่วยยกระดับความร่วมมือระหว่างกันในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ โดยส่งเสริมการลงทุน 2 ทาง ทั้งการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศไทย และการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพให้ออกไปแสวงหาโอกาสและขยายตลาดในต่างประเทศ สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ขยายธุรกิจเข้าไปอยู่ในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมระดับโลก เพื่อตอบโจทย์การเป็นฐานการผลิตสำคัญในภูมิภาค” นฤตม์กล่าว
ด้านตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานทางอุตสาหกรรม ซัพพลายเชน และแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว มีหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของธนาคารทั้ง 10 แห่งทั่วเอเชีย
เทค-อีวี-พลังงานสะอาด ดึงดูด FDI ไทย
ซึ่งยูโอบีพร้อมสนับสนุนธุรกิจทั้งสำหรับบริษัทต่างชาติที่สนใจจะมาตั้งฐานการผลิตในไทย และนักลงทุนไทยที่สนใจไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน โดยธนาคารจะร่วมมือกับ BOI ในการเชื่อมโยงภาคธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมในประเทศไทย และเพิ่มโอกาสในการค้าข้ามพรมแดนทั่วภูมิภาค
ตันกล่าวอีกว่า สำหรับอุตสาหกรรมที่น่าสนใจในภูมิภาคนี้ ซึ่งสะท้อนจากผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปลงทุนมากที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมา ได้แก่ กลุ่มอาหาร กลุ่มพลังงานทดแทน และอีวี ซึ่งมีการลงทุนทั้งไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์
“ภูมิภาคอาเซียนมีการเติบโตอย่างมากและถือว่าโตก้าวกระโดดในช่วง 2 ปี ตั้งแต่ปี 2565 และเทรนด์อุตสาหกรรมที่มาแรงและดึงดูดการลงทุนในไทยมากที่สุดคืออุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล, อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องอิเล็กทรอนิกส์, อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV), กลุ่ม Future Mobility, Smart City Development และกลุ่มพลังงานทดแทน”
สำหรับยูโอบี ตั้งแต่จัดตั้งหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ในปี 2554 ธนาคารได้สนับสนุนธุรกิจกว่า 4,200 บริษัทในการขยายธุรกิจในภูมิภาค ซึ่งมี 370 บริษัทได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และนับตั้งแต่ปี 2562 หน่วยงานนี้ได้ช่วยให้เกิดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในไทย รวมมูลค่ากว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเกิดการจ้างงานอีกกว่า 18,000 ตำแหน่งทั่วประเทศไทย
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ช่วยเหลือธุรกิจไทยอีกกว่า 210 บริษัทในการออกไปลงทุนในประเทศต่างๆ ทั่วอาเซียน โดยมีสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนามเป็นจุดหมายหลัก