×

เพลง Kiss Me! การฉีกขนบครั้งใหญ่ของ BNK48 สัญญาณสู่ New Era ของวง

08.03.2024
  • LOADING...
BNK48 New Era

Baby, can u kiss me? kiss me

 

เชื่อว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมา เนื้อเพลง-ทำนองเพลงจากซิงเกิลลำดับที่ 16 ของ BNK48 อย่าง Kiss Me! (ให้ฉันได้รู้) อาจวนอยู่ในหัวของแฟนเพลงอยู่ไม่น้อย

 

Kiss Me! (ให้ฉันได้รู้) ถือเป็นซิงเกิลพิเศษของ BNK48 ที่ไม่ใช่แค่เพราะเป็นเพลงจากงาน General Election หากแต่เป็นเพลงที่ได้โปรดิวเซอร์มากฝีมือจาก JYP Publishing อย่าง ‘อีแฮซล’ มาร่วมโปรดิวซ์เพลง 

 

นอกจากนั้นยังได้ ฮาย-ธันวา เกตุสุวรรณ จากวง Paper Planes มาเขียนเนื้อเพลง รวมถึง จุน คันดาบาชิ ผู้ออกแบบท่าเต้นในเพลง Nemohamo Rumor ของวงรุ่นพี่ AKB48 มาร่วมออกแบบท่าเต้น ให้เพลงนี้มีเนื้อร้อง จังหวะ และท่าเต้นที่ผสานกันอย่างลงตัว

 

และอีกเช่นเคย THE STANDARD POP ได้โอกาสเปิดบ้านต้อนรับ 6 สาว ตัวแทนจากซิงเกิลที่ 16 อย่าง พิม-พรวารินทร์ วงศ์ตระกูลกิจ, ปาเอญ่า-นิพพิชฌาน์ พิพิธเดชา, พั้นซ์-วัชรี ด่านผาสุกกุล, แชมพู-กชพร ลีละทีป, สตางค์-ตริษา ปรีชาตั้งกิจ และ ไข่หวาน-มานิตา จันทร์ฉาย ที่นอกจากจะแวะเวียนมาฝากผลงานเพลงใหม่แล้ว พวกเธอยังได้เล่าเรื่องสนุกๆ จากการทำงานครั้งนี้ ไปจนถึงเปิดเผยความรู้สึกในหัวใจบางอย่างที่เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้มาก่อน

 

เพื่อไม่ให้เสียเวลา…เรามาคุยกับพวกเธอไปพร้อมๆ กันเลย 

 

 

เข้าเรื่องเพลงใหม่อย่าง Kiss Me! (ให้ฉันได้รู้) ซึ่งถือเป็นเพลงที่ฉีกขนบไปจากความเป็น 48 Group โดยสิ้นเชิง เราจึงอยากรู้ว่าเนื้อหา-ความหมายเพลงเป็นอย่างไรบ้าง?

 

พิม: สำหรับเพลง Kiss Me! (ให้ฉันได้รู้) เป็นซิงเกิลที่ได้ทำร่วมกับ JYP Publishing แล้วก็มีพี่ฮาย-ธันวา เกตุสุวรรณ จากวง Paper Planes มาช่วยแปลเนื้อเพลงภาษาไทย จุน คันดาบาชิ ผู้ออกแบบท่าเต้นในเพลง Nemohamo Rumor ของวงรุ่นพี่ AKB48 มาช่วยออกแบบท่าเต้นให้เพลงนี้ด้วยค่ะ 

 

ส่วนเนื้อเพลงจะเป็นฟีลแบบว่า เขาก็ชอบเราและเราก็ชอบเขา แต่เราอยากให้เขาได้บอกชอบเราก่อน กล้าที่จะบอกชอบกับเรา ช่วยบอกก่อนได้ไหม อะไรประมาณนี้ 

 

 

ความรู้สึกตอนฟังเดโมเพลงครั้งแรก

 

แชมพู: ตอนนั้นก็รู้สึกว่าเพลง Kiss Me! เป็นเพลงแนวใหม่ที่วงไม่เคยทำมาก่อน แล้วส่วนตัวก็ไม่ค่อยได้ฟังเพลงแนวนี้เท่าไร ปกติจะฟังเพลงจาก 48 Group มากกว่า พอได้ฟังเพลงที่เป็นสไตล์เกาหลีก็รู้สึกชอบเลย เพราะเป็นเพลงที่เรายังไม่เคยได้สัมผัส พอหลังจากได้ฟังเดโมเพลงนี้ก็ทำให้รู้สึกตัวว่าเราจะต้องไปเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อทำเพลงนี้ออกมาให้ดีที่สุด

 

ปาเอญ่า: ตอนฟังครั้งแรกคือติดหูมาก ถึงจะได้ฟังครั้งเดียว แต่ทำนองมันวนอยู่ในหัวทั้งวัน ตอนแรกเนื้อเพลงเดิมไม่ใช่คำว่า Kiss Me มันจะเป็นคำที่เขาด้นสดขึ้นมาเอง 

 

พิม: เนื้อเพลงเดิมมันเป็นคำแบบสมัยก่อน แบบจิ๊กโก๋-จิ๊กกี๋ เปรียบเทียบผู้ชายกับผู้หญิง แล้วก็หยิบมาทำเนื้อเพลงให้มีความทันสมัยมากขึ้น ใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นในเพลงนี้ แล้วก็ได้ประโยคหลักของเพลงนี้คือคำว่า Kiss Me 

 

สัมผัสถึงกลิ่นอายความเป็นเพลงเกาหลีตั้งแต่แรกเลยไหม?

 

พั้นซ์: คือหลังจากที่ฟังก็มีภาพของเพลงแบบ JYP ผุดขึ้นมาเลย คือดนตรีขึ้นมาแค่ 2 วินาทีก็รู้ทันทีว่านี่คือเพลงในแบบฉบับของ JYP แล้วก็มีการใส่ความสดใสในแบบของ BNK48 และ CGM48 เข้าไปผสมด้วย 

 

 

พูดถึงมิวสิกวิดีโอเพลงนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

 

พิม: มิวสิกวิดีโอเพลง Kiss Me! จะเน้นภาพวิชวลเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ยังคงความเป็นไทยและความเป็น BNK48-CGM48 ไปในมิวสิกวิดีโอด้วย มีมุมกล้องใหม่ๆ หรือที่เราเห็นได้บ่อยตามมิวสิกวิดีโอเพลง K-Pop ที่ใส่ CG มาแบบจัดเต็ม 

 

ปาเอญ่า: ชุดที่เราใส่กันในเพลงนี้จะมีอยู่ทั้งหมด 3 ชุด 3 คอนเซปต์

  • ชุดแรกจะเป็นชุดคอนเซปต์ของญี่ปุ่นก็คือชุดเซ็มบัตสึ 
  • ชุดที่สองจะเป็นของเกาหลีก็คือชุดสีชมพู เพราะว่าเราได้โปรดิวเซอร์เพลงนี้มาจากเกาหลี 
  • ชุดที่สามก็จะเป็นชุดไทย จะเป็นชุดแนวมวยไทย ถ้าสังเกตดีๆ มันจะมีป้ายตรงกางเกงกับชายเสื้อที่เขียนว่า BNK48 เป็นฟอนต์ภาษาไทย 

 

ความต่างของมิวสิกวิดีโอเพลงนี้มันจะต่างจากที่ BNK48-CGM48 เคยทำ ที่ปกติจะเน้นเล่าเรื่องราวแบบมีสตอรี หรือมีความน่ารักๆ หรืออยู่ในโรงเรียนที่แสดงออกถึงความสดใส แต่สำหรับเพลง Kiss Me! มิวสิกวิดีโอเพลงนี้ก็จะเน้นความวิชวลแบบเต็มที่เลย 

 

 

พูดถึงความรู้สึกวันขึ้นโชว์ First Performance 

 

ไข่หวาน: หนูรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะนี่คือครั้งแรกที่ได้เปิดตัวที่เซ็นทรัลเวิลด์ แล้วผู้คนก็มาดูกันเยอะมากๆ การเปิดตัวเพลงใหม่ครั้งนี้สำหรับหนูมันพิเศษตรงที่แฟนคลับจะได้รับชม MV ก่อน ตอนที่เมมเบอร์อยู่ข้างหลังเวที ก็คอยลุ้นกันว่าแฟนคลับจะชอบ MV ของเราไหม ซึ่งก็ได้เห็นแล้วว่าเสียงตอบรับดีมากๆ 

 

แชมพู: จะขอพูดถึง Performance ก่อนเลย ก็คือปกติหนูจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะไม่เคยเต้นเพลงแนวนี้มาก่อน แต่ก็เต็มที่เสมอ เวลาได้โอกาสไปอัดรายการอะไรก็จะคอยไปย้อนดูว่าเราทำดีหรือยัง หรือยังต้องปรับตรงไหน 

 

ส่วน Performance วันเปิดตัวรู้สึกว่าเป็นวันที่ชอบมากที่สุด มีความสุขมากที่สุด ณ เวลานั้นเลย เพราะได้รับกำลังใจมาจากแฟนคลับด้วย ก็เลยทำให้การขึ้นแสดงครั้งนั้นเป็นไปด้วยความประทับใจมาก ก็มีความสุขมากที่ได้เต้นเพลงนี้ วันนั้นก็เป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ดีมากของหนูเลย 

 

สตางค์: หนูรู้สึกว่าวันนั้นทุกคนทำเต็มที่มากเลย ทุกคนมีความตั้งใจกับโชว์นี้มากๆ ด้วยระยะเวลาที่เรามีแบบจำกัดด้วย แล้วยังมีการเปลี่ยนบล็อกกิ้ง กว่าทุกอย่างจะลงตัวก็ใช้เวลารวม 2 วันสุดท้าย แต่ทุกคนก็มีความตั้งใจและทำอย่างเต็มที่มากๆ 

 

แล้วก็รู้สึกว่านี่คือ New Era ของ BNK48 แล้วมันเป็นเพลงที่มีความยากมากกว่าเพลงอื่นๆ ที่เราเคยมีมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะท่าเต้นที่ จุน คันดาบาชิ เป็นคนคิดด้วย มันก็มีบางท่าเต้นที่ให้ความรู้สึกเหมือนเพลง Nemohamo Rumor ที่เป็นตำนานของ AKB48 พอได้เขามาออกแบบท่าเต้นให้เรา มันก็เลยรู้สึกว่าเราทุกคนต้องทำให้ถึงเท่าเขา ถึงจะกดดันบ้างแต่ทุกคนก็ทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะปาเอญ่าที่ใส่สุดมากๆ 

 

พั้นซ์: สำหรับหนูตื่นเต้นมากๆ ด้วยความที่เป็นครั้งแรกที่ได้ออกงานเปิดตัวที่เซ็นทรัลเวิลด์ ภาพที่เห็นคือคนมาดูพวกเราเยอะมาก ก็รู้สึกดีใจที่วันนั้นมีคนมาให้กำลังใจพวกเราเยอะ ถึงความรู้สึกลึกๆ จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่พวกเราก็ทำอย่างเต็มที่ ให้สมกับที่แฟนคลับส่งพวกเราให้เป็นส่วนหนึ่งของเพลงนี้ และให้พวกเรามายืนอยู่ตรงนี้ 

 

พิม: ความรู้สึกของหนูวันนั้นมันเต็มไปด้วยความกดดันและเครียดมาก เพราะคิดว่าทุกคนน่าจะคาดหวังกับเราเยอะด้วย เพราะด้วยความที่หนูเองก็เป็นเซ็นเตอร์ด้วย แถมเป็นเซ็นเตอร์ที่มาจากงาน General Election อีก ก็ค่อนข้างเครียดนิดหนึ่ง ตื่นเต้น มือก็เย็นไปหมด 

 

แต่พอได้ขึ้นเวทีจริงๆ ก็ลืมความกดดันไปหมดเลย แต่ไม่ลืมท่าเต้นนะคะ (หัวเราะ) เราก็วางความกดดันหรือความเครียดต่างๆ เอาไว้หลังเวที เพื่อทุ่มเวลาและออกมาทำให้เต็มที่ และสนุกไปกับโมเมนต์ของโชว์ในวันนั้น 

 

ปาเอญ่า: สำหรับหนูเวลาขึ้นเวทีจะไม่ตื่นเต้นมาก จะคิดแค่ว่าเราต้องเอ็นจอยไปกับโชว์ที่หนูจะขึ้นไปทำ แต่ก็ยังมีความรู้สึกตกใจมากที่ได้เห็นแฟนคลับมาชมงานเปิดตัวของพวกเราเยอะมากๆ ด้วยความที่มันแทบจะเป็น New Era ของวงเราจริงๆ แล้ว อยากทำให้ทุกคนเห็นว่า ‘พวกเราทำถึง’ 

 

แล้วก็อยากให้ทุกคนได้ใช้เวลานี้ในการมอง BNK48 ในภาพที่แตกต่างกันออกไปจากเดิม แล้วก็ได้ขึ้นเวทีงานเปิดตัวที่เซ็นทรัลเวิลด์อีกครั้ง เพราะหนูมาขึ้นครั้งแรกตอนเปิดตัวเพลง First Rabbit ของรุ่น 3 ซึ่งเป็นสเตจเดบิวต์ ก็ทำให้รู้สึกแฮปปี้มากๆ เหมือนได้กลับมาสู่จุดที่เราเคยเดบิวต์ไว้

 

 

รู้สึกอย่างไรที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของเพลง Kiss Me! ที่ฉีกขนบจาก J-Pop สู่ K-Pop แบบเต็มตัว 

 

พิม: รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมากๆ ที่ได้รับแรงซัพพอร์ตจากแฟนคลับทุกคน ให้เราได้มาเป็นส่วนหนึ่งของเพลงนี้ คือไม่ใช่แค่หนู แต่ว่าเป็นทุกคนที่ทุ่มเทและตั้งใจกับการสร้างเพลงนี้ เราก็อยากจะทำให้เพลงนี้เป็นเพลงที่แมสและดัง และคาดหวังว่าจะเป็นเพลงที่ทำให้ BNK48 กลับมาดังอีกครั้งหนึ่ง ในฐานะเซ็นเตอร์หนูก็อยากให้ทุกคนเอ็นดูเพลงนี้ รักเพลงนี้ ฝากเพลงนี้ไว้กับทุกคนด้วยนะคะ 

 

แชมพู: ส่วนมากแฟนคลับของเราหลายคนก็จะฟังแต่ในรูปแบบของ J-Pop หรือชอบแบบญี่ปุ่น หนูก็อยากจะขอบคุณทุกคนที่เปิดใจ ขอบคุณที่เปิดใจให้กับเพลงใหม่ สไตล์ใหม่ ก็อยากถือโอกาสนี้ฝาก BNK48-CGM48 ไว้กับทุกคนด้วย เพราะต่อจากนี้เราก็น่าจะทำอะไรใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นในอนาคตแน่นอน 

 

 

หลังจากหมดคำถามในเรื่องของการบอกเล่ารายละเอียดของซิงเกิลใหม่ เราจึงได้หยิบ ‘กิมมิก’ ชิ้นสำคัญจากเพลงนี้ นั่นคือเรื่องของความหมายของเพลงที่สื่อถึงการกล้าที่จะบอกความในใจ

 

เราเลยอยากรู้ว่า เมื่อพูดถึงการบอกความรู้สึกหรือความในใจ ทั้ง 6 สาวมีวิธีบอกความรู้สึกดีๆ ที่อยู่ในใจกับคนในครอบครัว เพื่อนร่วมวง หรือคนใกล้ชิดของเรา ในแบบฉบับของตัวเองออกมาอย่างไร

 

ปาเอญ่า: หนูจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยกล้าพูดเป็นคำออกมา สำหรับคนที่หนูรู้สึกรักเขาหรือห่วงใยเขาจริงๆ หนูจะใช้วิธีในรูปแบบของการกระทำเล็กๆ ที่แสดงออกถึงภาษากาย คอยใส่ใจรายละเอียดเขาเล็กๆ คอยมองอยู่ห่างๆ แล้วก็คอยเซอร์วิสให้เขา เวลาที่เขาต้องการอะไรสักอย่าง แบบคอยเปิดขวดน้ำให้ ช่วยจัดผม คอยเตือนเวลาเห็นเชือกรองเท้าหลุด 

 

พิม: หนูเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าพูดเหมือนกัน แต่จะสื่อสารด้วยการกอดมากกว่า เพราะไม่กล้าพูด จะเขินเวลาถ้าต้องพูดอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเดินเข้าไปหาแบบเงียบๆ แล้วก็เดินเข้าไปกอด แบบขอกอดได้ไหม จะเป็นแบบนี้มากกว่า 

 

พั้นซ์: หนูเองก็จะคล้ายพี่ปาเอญ่าคือจะพูดไม่ค่อยเก่ง ถ้าถึงช่วงวันสำคัญ หนูก็จะแสดงความรู้สึกด้วยการมอบของขวัญให้ หรือเวลาที่เขาไม่สบายใจ หนูจะไม่กล้าเข้าไปถามด้วยตัวเองแบบตรงๆ แต่จะใช้วิธีฝากคนอื่นเข้าไปคุยหรือถามแทนเรา แล้วเราก็คอยดูเขาอยู่ห่างๆ 

 

สตางค์: พอพูดถึงความรักแล้วรู้สึกว่าตัวเองจะตัวเล็กลงแบบ 500% ก็จะเป็นแบบแอบดูเขาอยู่ห่างๆ ถ้าเราอยากจะสารภาพความรู้สึกหนูจะใช้เพลง หรือแต่งเพลงขึ้นมาเพื่อบอกความในใจ แล้วก็ร้องให้ฟังแบบเนียนๆ หรือหาเพลงที่เข้ากับสถานการณ์เพื่อทำให้เขารู้ว่าเรารู้สึกอย่างไร แต่เราจะไม่พูดตรงๆ 

 

แชมพู: หนูเป็นคนที่พูดบอกอยู่แล้ว เพราะส่วนใหญ่ก็จะพูดบอกรักแฟนคลับอยู่แล้ว รวมถึงบอกรักพ่อแม่ บอกรักน้องสาวด้วย เพราะอยากให้รู้ว่าเรารักเขาจริงๆ ให้เห็นว่าเราก็ผูกพันกับเขา ส่วนใหญ่ที่บอกก็จะเป็นคนที่เราไว้ใจแล้ว คนที่เป็น Safe Zone ของเรา เพราะลึกๆ จะเป็นคนกลัวอะไรง่ายๆ หรือบางสถานการณ์ก็จะใช้วิธีเดินเข้าไปกอดแบบน้องพิม แต่ส่วนใหญ่ถ้ามีโอกาสได้บอกก็จะบอกให้เขาได้รู้ 

 

ไข่หวาน: หนูก็จะเป็นอีกคนที่ไม่ค่อยพูด ชอบทำตัวซึน (ซึนเดเระ) แต่จะทำการกระทำอย่างอื่นออกมาเพื่อบอกความรู้สึก เช่น เวลาหนูอยู่กับน้องแชมพูก็เหมือนจะตีกันอยู่ตลอดเวลา น้องก็จะบอกกับเราอยู่ตลอดเวลาว่าให้พี่ไข่บอกรักหนูหน่อย ซึ่งหนูก็จะไม่บอกกับน้องตรงๆ ก็จะแสดงออกทางการกระทำมากกว่า หรือเจอใครที่เขากำลังดาวน์ เราก็จะไปอยู่ข้างๆ แต่ก็จะไม่ได้พูดบอกว่าให้สู้ๆ นะ แต่จะไปนั่งอยู่ด้วยข้างๆ ให้เขารู้ว่าเราจะอยู่ข้างๆ เขาเสมอ 

 

 

อีกไฮไลต์สำคัญจากเพลงใหม่ของ BNK48 ชิ้นนี้ คือการได้ฉีกออกนอกกรอบเดิมๆ ปรุงแต่งสไตล์และแนวเพลงให้มีกลิ่นของความเป็นเกาหลีเป็นหลัก 

 

และเมื่อว่าด้วยเรื่องของการ ‘ออกนอกกรอบ’ หรือ ‘ก้าวหาความท้าทายใหม่ๆ’ เราจึงถือโอกาสนี้ให้ทั้ง 6 สาวได้เล่าเหตุการณ์ที่เคยพาตัวเองเดินออกนอกกรอบเดิมๆ

 

ปาเอญ่า: หนูเป็นคนที่มีความฝันมาตลอดว่าอยากทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่เด็ก แต่ขณะเดียวกันหนูเป็นคนที่ไม่มีความกล้าแสดงออกเลย คุณแม่ของหนูจะรู้ว่าหนูเป็นคนอยากทำงานแบบนี้ และก็มีหลายครั้งที่แม่เคยแนะนำให้ไปออดิชันหรือไปแคสต์งานต่างๆ แน่นอนว่าหนูก็บอกปฏิเสธมาโดยตลอด เพราะเราไม่กล้าแสดงออก 

 

จนวันหนึ่ง BNK48 รับสมัครรุ่นที่ 3 และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่หนูกล้าพาตัวเองออกมาออดิชัน ส่วนหนึ่งก็เพราะคุณแม่บังคับด้วย (หัวเราะ) แต่หนูก็โอเคแล้ว ก็ได้ลองออดิชันมาก่อน และสรุปว่าได้เป็นส่วนหนึ่งของรุ่น 3 

 

แม่ก็เอาเรื่องนี้ไปคุยกับหมอดู และหมอดูก็บอกกับแม่ว่า ถ้าได้เข้ามาอยู่ในวง จะทำให้อนาคตของหนูดีขึ้น นั่นก็เลยทำให้หนูตัดสินใจออกนอกรอบของตัวเองแล้วก็เซ็นสัญญามาเป็นสมาชิกของ BNK48 รุ่นที่ 3 พอเข้ามาอยู่ในวงช่วงแรกๆ หนูเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดเลย หนูพูดน้อยมาก แบบนับคำได้เลย แต่ทุกวันนี้ก็พยายามปรับตัวมากขึ้น พยายามผลักให้ตัวเองกล้าแสดงออก กล้าพูด เป็นคนที่พูดเก่งมากขึ้น

 

สตางค์: เรื่องนี้จะเซนสิทีฟสำหรับหนูนิดหนึ่ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับช่วงที่เราเข้ามหาวิทยาลัย ด้วยความที่หนูเป็นคนที่ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก แต่พอเลือกเรียนจริงๆ หนูเลือกไปเรียนสถาปัตย์ แล้วช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่อยู่ในวงอยู่แล้ว ก็มีแต่คนคอยมาห้ามเราว่าอย่าไปเข้าคณะนี้ ต่อให้เราเข้าไปเราก็เรียนไม่จบ ไปก็ได้คะแนนไม่ดี เขามองว่าเราไม่มีทางทำได้ เพราะขนาดเรื่องของเวลาชีวิตส่วนตัวเรายังจัดการไม่ได้ เขามองว่าถ้าเราจะไปต่อ เราก็จะไม่มีทางไปรอด 

 

แต่หนูก็เลือกก้าวข้ามผ่านความเชื่อของคนอื่นด้วยการหันมาเชื่อตัวเราเอง แล้วได้ตกตะกอนว่า ถ้าเรารักที่จะทำหรือชอบที่จะทำอะไรสักอย่างจริงๆ ขอให้เราได้ลงมือทำ วันหนึ่งเราจะพิสูจน์ให้เขาเห็นในสิ่งที่เราเลือกทำได้ แล้ววันนี้หนูใกล้เรียนจบในปีนี้แล้ว ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าเราไม่ได้เป็นแบบที่เขาพูดหรือที่เขาคิด 

 

แล้วก็ได้บทเรียนสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าเราจะทำไม่ได้ เพียงแค่เรายังไม่ลองทำมันแค่นั้นเอง หนูเชื่อว่าถ้าเรามีความตั้งใจ ทุกอย่างเราทำได้หมด

 

พั้นซ์: หนูจะเป็นเรื่องการออดิชันเข้ามาอยู่ใน CGM48 ย้อนกลับไปตอนนั้นเรายังเด็กมากๆ แต่เป็นเด็กที่ชอบร้อง ชอบเต้น ตอนนั้น BNK48 บูมมากๆ เราก็ได้ตามวง แล้วก็เกิดความรู้สึกว่าเราอยากจะเป็นแบบนั้นบ้าง 

 

แล้วด้วยความที่เราเป็นคนตัวเล็ก ในตอนนั้นสูงแค่ 140 เซนติเมตร ก็เลยเกิดความคิดว่าถ้าเราตัวเล็กแบบนี้แล้วไปออดิชันเราจะผ่านไหม เรามีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกว่าอยากได้เราเข้าไปอยู่ในวงไหม เพราะตอนนั้นเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจเลย แต่ก็พยายามออกกำลังกาย กระโดดตบวันละ 1,000 ครั้ง มีเป้าหมายว่าจะต้องเพิ่มส่วนสูงเท่านั้นเท่านี้ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ทุ่มพลังแบบสุดตัว ซ้อมเต้น ซ้อมร้องเพลงหนักมาก แล้วก็พยายามดื่มนมเยอะๆ เสริมแคลเซียม เรียกว่าพยายามทำทุกอย่างให้เราเป็นพั้นซ์เวอร์ชันที่ดีขึ้น เพื่อพร้อมที่จะไปเจอกับกรรมการในวันออดิชัน 

 

ถึงตอนนั้นเราจะได้ชื่อว่าเป็นเด็กกิจกรรม แต่ก็ยังคงมีความอาย ความไม่กล้าแสดงออกอยู่ในใจลึกๆ ไม่กล้าเดินออกนอกกรอบ ถ้ามีงานแสดงเป็นกลุ่มเราก็จะไป แต่ถ้าต้องทำอะไรคนเดียวจะไม่ค่อยกล้า 

 

แต่สิ่งที่ทำให้หนูกล้าก็คือความรู้สึกของหนูบอกกับตัวเองลึกๆ ว่า ถ้าเราได้ไปออดิชัน เราจะได้แน่นอน เราผ่านแน่ (หัวเราะ) แล้วมีความรู้สึกอย่างแรกคืออยากไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วย อารมณ์แบบการออดิชันครั้งนั้นเหมือนถือโอกาสไปเที่ยวในตัว ซึ่งในใจลึกๆ ก็คาดหวังว่าเราจะติด แล้วก็ติดจริงๆ นั่นถือเป็นการเดินออกนอกกรอบครั้งใหญ่ของหนูเลย แล้วก็ทำให้หนูอยู่เชียงใหม่ยาวๆ เลย 

 

ไข่หวาน: หนูเป็นคนที่ไม่ได้มีเหตุการณ์ที่ต้องเดินออกนอกกรอบเหมือนคนอื่นมากขนาดนั้น หนูเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบใส่สุดมาโดยตลอด อย่างหนูตอนเข้ามา CGM48 ก็ทำงานในวงด้วย แล้วก็เรียนควบคู่ไปด้วย เป็นเชียร์ลีดเดอร์ด้วย ทำกิจกรรมทุกอย่างไปพร้อมกัน หนูเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบสุดโต่งอยู่แล้ว บางครั้งคนในวงก็สงสัยว่าพี่ไข่ทำอะไรหลายอย่างไปพร้อมกันได้อย่างไร แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่สามารถจัดการอะไรหลายอย่างที่เราต้องรับมือได้ ซึ่งผลลัพธ์มันก็ออกมาดีอยู่แล้ว 

 

แชมพู: เมื่อก่อนเป็นเด็กขี้อาย แต่พอได้ลองมาออดิชันแล้วติดวง CGM48 ก็ได้ลองอะไรใหม่ๆ เยอะ แล้วก็ได้รู้ว่าเราเหมาะกับที่ตรงนี้ไหม แล้วก็ได้ลองอะไรอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะในช่วงหลังเวลามีโอกาสอะไรเข้ามา ก็จะเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลงมือทำ อาจจะมีสมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เราจะไม่เสียดายและไม่เสียใจแน่ เพราะถือว่าเราได้ลอง ได้ทำมันด้วยตัวเอง 

 

เวลามีกิจกรรมให้ทำภายในวงหรือนอกวง ถ้าเราตัดสินใจรับมาแล้ว มันคือสิ่งที่เราเชื่อแล้วว่านั่นคือสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ การออกนอกกรอบของหนูก็คือการกล้าที่จะรับความท้าทายใหม่ๆ แล้วมาลงมือทำอย่างเต็มที่ 

 

การเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ CGM48 คุ้มค่ากับชีวิตหนูในระดับหนึ่ง สิ่งต่างๆ ที่ได้ทำภายใต้นามสกุล CGM48 ก็กลายเป็นพื้นที่ที่หนูได้ขยายกรอบความท้าทายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เปิดกว้างให้ตัวเองได้ลองอะไรใหม่ๆ ทุกอย่าง 

 

พิม: ที่สุดในเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่อง ‘การปล่อยวาง’ เพราะหนูเป็นคนที่คิดเยอะ เซนสิทีฟง่าย เข้ามาในวงช่วงแรกๆ เจองาน General Election ก็เคยโดนดราม่ามาแล้วรอบหนึ่ง ตอนนั้นเรายังเด็กอยู่ ก็ไม่เข้าใจเท่าไรว่าทำไมเราถึงต้องเจออะไรแบบนี้ 

 

ช่วงนั้นคือร้องไห้หนักมาก โทรหาคุณพ่อคุณแม่แล้วบอกตรงๆ ว่าเราไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว มันมีแต่ความรู้สึกกลัว ก็ได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมถึงโดนต่อว่า ช่วงนั้นก็ไม่ได้ติดเซ็มบัตสึเพลงแรก ยังไม่ได้มีโอกาสได้ทำผลงานเท่าไร 

 

ตอนนั้นกลายเป็นช่วงที่เผชิญความกลัวมาก แต่ก็ได้กำลังใจจากครอบครัวมาเยอะ แล้วก็ได้ติดเพลง Hashire! Penguin (วิ่งไปสิ…เพนกวิน) ก็รู้สึกว่าตัวเองทำออกมาได้ดี 

 

พอมาถึงงาน General Election ครั้งนี้ก็โดนอีกแล้ว แต่ครั้งนี้เราได้รับประสบการณ์มาจากครั้งที่แล้วค่อนข้างเยอะ ครั้งนี้เราปล่อยวางได้มากขึ้น เราสามารถจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ เวลาเราเห็นคอมเมนต์ที่ท็อกซิกเราก็จะไม่ไปตอบโต้ หรือต้องเก็บมาใส่ใจทำให้เรารู้สึกแย่ หนูเปลี่ยนพลังด้านลบพลิกมันกลับมาให้เป็นพลังบวก เพื่อผลักดันตัวเองให้รู้สึกว่าเราทำได้ อยากให้เขารอดูสิ่งที่เรากำลังจะได้ทำต่อจากนี้ นั่นน่าจะเป็นความกล้าที่จะเผชิญหน้าความท้าทายที่ใหญ่สุดในชีวิตของหนูแล้ว

 

 

ความท้าทายในการยืนอยู่ในฐานะศิลปินไอดอล BNK48-CGM48 ของเรา ณ วันนี้คืออะไร

 

ปาเอญ่า: ถ้านับตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาอยู่ในวงก็คงเป็นเรื่อง ‘ความกล้าแสดงออก’ แล้วก็พยายามเป็นคนที่พูดให้เก่งขึ้นมากๆ เพราะก่อนเข้าวงหนูเป็นคนที่จะพูดน้อยแล้วก็พูดเบาๆ พูดเสียงอยู่ในคอ จนเข้ามาอยู่กับวงได้ระยะหนึ่งแล้วก็เรียนรู้ว่าเราต้องหัดพูด เป็นคนที่พูดด้วยความมั่นใจ แล้วก็มีความคิดที่มันมีแต่พลังบวกมากขึ้น 

 

ถ้าลองให้คะแนนตัวเองว่าพูดเก่งแค่ไหน นับตั้งแต่วันเข้าวงแรกๆ จนถึงวันนี้หนูให้ 8 เต็ม 10 เลยค่ะ หนูคิดว่าทุกวันนี้หนูพูดเก่งขึ้นมากๆ เวลาไปไหนมาไหนหนูเป็นคนที่มีความกล้ามากขึ้น ยกตัวอย่าง เมื่อก่อนหนูจะไม่กล้าพูดกับพ่อค้าแม่ค้าเลย เวลาอยากจะซื้ออะไรก็สะกิดให้เพื่อนซื้อ ให้เพื่อนถามแทน แต่ทุกวันนี้คืออยากซื้ออะไรก็บอกไปเลยค่ะว่าเอาอันนี้ แล้วก็กลายเป็นว่าทุกวันนี้มีแต่คนอื่นมาสะกิดให้หนูซื้อของแทน (หัวเราะ) รู้สึกว่าทุกวันนี้เป็นคนที่มีความกล้าขึ้นเยอะมากเลยค่ะ 

 

ไข่หวาน: ความท้าทายของหนูคือการต่อสู้กับเป้าหมายและความคาดหวังของตัวเองกับชีวิตที่อยู่ในวง CGM48 เพราะปกติหนูจะเป็นคนที่ตั้งเป้าหมายของตัวเองไว้ไม่ไกลตัว แต่จะค่อยๆ ตั้งทีละอัน แล้วทำให้มันสำเร็จไปทีละอย่าง เพื่อพาตัวเองไปสู่เป้าหมายสูงสุดที่ตัวเองตั้งไว้ เพราะหนูพูดไว้ตั้งแต่ใน Senpai แล้วว่า หนูอยากเป็นกัปตันทีม C เพราะเชื่อว่าในอนาคตวงจะต้องมีเธียเตอร์ แต่พอถึงเวลานั้นก็ได้เรียนรู้ว่า จริงๆ ก็มีคนที่เหมาะสมกว่าเรา หนูก็ทำความเข้าใจแล้วก็เรียนรู้กันไป แล้วก็ดีใจที่เราได้เป็นรองกัปตันทีม C 

 

อีกอันหนึ่งคือเป็นเป้าหมายที่หนูตั้งเอาไว้ตอนนี้เลย คือหนูอยากเป็นเซ็นเตอร์สักครั้งหนึ่งในเพลงของวง CGM48 ตอนนี้ก็กำลังพยายามทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ตัวเองไปเรื่อยๆ ให้พี่รินะและผู้ใหญ่ในวงทุกคนมองเห็นว่าหนูพร้อมแล้วที่จะเป็นเซ็นเตอร์คนต่อไปของวง 

 

พั้นซ์: หนูรู้สึกว่าทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตช่วงที่อยู่ใน CGM48 คือความท้าทายทั้งหมดเลย เพราะวันแรกที่เข้ามาเรายังเด็กมาก พอเข้ามาแล้วมันทำให้เราต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การทำงาน หรือไปจนถึงนิสัยส่วนตัวที่ต้องหัดให้ตัวเองเป็นคนตรงต่อเวลา 

 

ช่วงที่มาแรกๆ รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็น อยู่คนเดียวไม่ค่อยได้ ซักผ้า ตากผ้า รีดผ้า เราต้องลงมือทำเองทุกอย่าง เพราะเราให้พ่อแม่ทำให้ไม่ได้แล้ว เพราะเขาไม่ได้มาอยู่กับเราที่เชียงใหม่ ความท้าทายคือเราต้องฝึกให้ตัวเองใช้ชีวิตแบบเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น หัดเป็นคนมีความรับผิดชอบในหลายๆ เรื่อง 

 

และความท้าทายอีกอย่างของหนูคือเป็นคนที่มักจะมีความตื่นเต้นต่อหน้ากล้อง ก็ยังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเป็นอย่างนั้น ทั้งที่หลังกล้องเราจะพูดปร๋อเลย แต่ทุกครั้งที่ต้องไปหน้ากล้องเราจะเหงื่อไหลเลย แล้วก็เริ่มกังวลว่าเราจะพูดอะไรดี ทุกวันนี้ก็พูดเก่งขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะจากโอกาสที่ได้ไปเดินสายโปรโมตเพลงหลายๆ ครั้ง มันทำให้เราได้พัฒนาสกิลนี้มากขึ้น หนูก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ตอนนี้พูดเก่งกว่าช่วงแรกๆ เหมือนกันค่ะ ถ้าให้คะแนนตัวเองตอนนี้ คิดว่าพูดเก่งขึ้นแบบ 7 เต็ม 10 คะแนน 

 

พิม: หนูเป็นอีกคนที่ได้เผชิญความท้าทายในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องการกล้าแสดงออก ตอนเข้ามาออดิชันช่วงแรกหนูไม่กล้าพูดกับใครเลย (หัวเราะ) ความรู้สึกของหนูตอนนั้นเหมือนทำตัวเป็นคนไร้ตัวตน ไม่มีใครเห็นหนู เหมือนกลั้นหายใจอยู่ตลอดเวลา ทำตัวเหมือนห้องนี้มีหนูอยู่คนเดียว 

 

แต่ตอนนี้รู้สึกว่ากล้าแสดงออกมากขึ้น พูดเก่งขึ้นจากเมื่อก่อนเยอะเลย เต้นก็เก่งขึ้น ร้องก็เก่งขึ้น โดยเฉพาะการร้อง ถ้าเทียบกับในอดีตเมื่อก่อนอยู่ท้ายๆ เลย แต่ตอนนี้ก็ขยับขึ้นมาอยู่กลางๆ 

 

แชมพู: เมื่อกี้ก็นั่งคิดอยู่ว่าเราก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้ทำอะไรที่มันท้าทายเยอะเลย ผ่านอะไรมาหลายอย่าง ทั้งการไม่ติดเซ็มบัตสึ จนมาติดเซ็มบัตสึแล้ว เป็นเซ็นเตอร์แล้ว ทั้งของ CGM48 และ BNK48 มีเพลงเดี่ยวกับ Independent Records (เพลง ลา ลา รัก) ได้ลองโปรโมต ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ มีหลายอย่างที่เราได้ลองมาแล้วเยอะมาก ก็เป็นความภูมิใจในตัวเอง ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ 

 

สตางค์: ความท้าทายของหนูในช่วงแรกของการเข้าวงคือการเป็นคนอินโทรเวิร์ต ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เหมือนโลกนี้มีฉันคนเดียว ชอบคุยกับตัวเอง จนรู้สึกว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นไม่ได้ เพราะงานที่อยู่ตรงนี้ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนค่อนข้างเยอะ ก็เลยพยายามปรับตัวมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ 

 

ส่วนอีกความท้าทายหนึ่งก็คือ ช่วงแรกหนูเต้นไม่ได้เลย เพราะตัวเองไม่ใช่สายเต้นเลย แค่ก้าวขาเตรียมเต้นยังผิดจังหวะเลย แล้วก็เกิดเป็นความกดดัน เพราะว่าทุกคนรอบตัวเก่ง ทุกคนมีความพร้อมหมดแล้ว เราก็ต้องพยายามผลักดันตัวเองขึ้นมา เพื่อให้ตัวเองไม่ไปถ่วงใคร 

 

อีกความท้าทายหนึ่งของหนูคือการต่อสู้กับความคาดหวังของตัวเอง พอเราคาดหวังอะไรเยอะๆ บางทีเราก็จะผิดหวัง แล้วมันไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ตลอดเวลา ตอนหลังเราก็เลยต้องเปลี่ยนมายด์เซ็ตตัวเอง พยายามลดความคาดหวัง เพราะรู้สึกว่าถ้าเราไม่คาดหวังก็จะไม่ผิดหวังค่ะ

 

 

เปิดซองจดหมาย ‘ขอบคุณแฟนคลับ’ ที่ส่งเรามาถึงตรงนี้

 

พิม: ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยนะคะ ที่สนับสนุนหนูมาเสมอ รักในแบบที่หนูเป็นหนูมาตลอด ถึงหนูจะเป็นคนที่ไม่ได้เพอร์เฟกต์มากมายอะไร แต่ยังรักตัวตนในแบบที่หนูเป็นจริงๆ หนูรู้ว่าหนูไม่ใช่คนที่มีแฟนคลับเยอะอะไรขนาดนั้น แต่ก็อยากจะขอบคุณทุกคนที่อยู่กับหนูอย่างเหนียวแน่นมาเสมอ อยากให้ทุกคนอยู่กับหนูแบบนี้ไปนานๆ และคอยช่วยซัพพอร์ตให้กำลังใจหนูไปนานๆ นะคะ 

 

ปาเอญ่า: ของหนูมันเป็นความรู้สึกที่ไม่คาดคิดมากจริงๆ สำหรับอันดับ 2 ที่หนูได้รับมา ตอนที่หนูส่งใบสมัคร GE หนูยังไม่รู้ว่าตัวเองจะติดเซ็มบัตสึไหมด้วยซ้ำ อยากขอบคุณทุกคนที่เชื่อมั่นในตัวหนูมากๆ สำหรับหนูไม่ใช่แค่แฟนคลับ แต่อยากจะขอบคุณหลายๆ คนเลย ทั้งแฟนคลับข้างนอก รวมถึงคุณป้าข้างบ้าน ที่ร่วมกันช่วยโหวตจนพาหนูมาสู่อันดับ 2 

 

ขอบคุณอีกครั้งที่เชื่อมั่นในตัวหนู ถึงหนูจะเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเองเท่าไร ขอบคุณทุกคนที่เชื่อว่าหนูทำได้ หนูก็ได้พยายามทำผลงานให้มันออกมาดีที่สุด และผลงานนั้นก็ออกมาแล้ว หวังว่าทุกคนจะชอบผลงานชิ้นนี้ของพวกเราทุกคน 

 

พั้นซ์: ขอบคุณแฟนคลับทุกคนมากๆ เราโตขึ้นจากปีที่แล้วมากๆ ที่ลง GE อีก ครั้งแรกไม่ติด ครั้งที่ 2 ก็อยู่ท้ายๆ ส่วนครั้งนี้ก็มาติด Kami 7 เลย มันคืออันดับที่โดดมาไกลกว่าที่หนูคิดไว้มากเลย 

 

แล้วพอได้มายืนอยู่ตรงนี้มันให้ความรู้สึกว่า ‘ยิ่งสูงยิ่งหนาว’ จริงๆ อาจเป็นเพราะหนูเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองด้วย เพราะในชีวิตไม่เคยได้รับการโหวตในอันดับที่สูงขนาดนี้ แต่แฟนคลับทุกคนก็ยังคอยเชียร์อัพ ให้กำลังใจเรา บอกกับเราเสมอว่าเราทำได้ และขอให้เราทำอย่างเต็มที่ ก็เกิดเป็นความรู้สึกที่อยากจะขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่เป็นเหมือนลมหายใจในการเป็นไอดอลของหนูเลย 

 

แชมพู: อยากขอบคุณแฟนคลับทุกคน ที่ผ่านมามีกิจกรรมให้โหวตอะไรทำนองนี้ติดๆ กัน จนถึงงานล่าสุดก็แอบกลัวเหมือนกัน ไม่กล้าคาดหวัง เพราะเราก็ผิดหวังมาหลายครั้ง แต่วันนี้แฟนคลับก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวหนูไม่เปลี่ยนแปลง มันเลยกลายเป็นแรงผลักดันให้หนูหันมาเชื่อมั่นในตัวเองอีกสักครั้งหนึ่ง ก็เลยได้ลองบอกในสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ แล้วพวกเขาก็รับฟังเรา 

 

หนูเลยรู้สึกอยากขอบคุณมากๆ ที่คอยเป็นกำลังใจ เป็นที่พักพิงให้หนูเสมอในยามที่หนูเหนื่อยหรือท้อจริงๆ ก็ต้องขอบคุณมากๆ ที่ส่งมาถึงอันดับ 10 เลย ซึ่งเป็นตัวเลขของวันเกิดและเดือนเกิดหนูด้วย มันคือตัวเลขที่พิเศษมาก หนูเลยอยากจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้เต็มที่ ตอบแทนที่ทุกคนส่งเรามา ไม่รู้จะคุ้มค่าแค่ไหน แต่ถ้าแฟนคลับชื่นชมและแฮปปี้กับสิ่งที่เราทำ หนูก็ดีใจมากๆ แล้วค่ะ 

 

สตางค์: ขอบคุณทุกคนที่เดินก้าวขึ้นบันไดมาด้วยกัน ขอบคุณที่ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะมาก ขอบคุณที่เชื่อมั่นในตัวหนู ดีใจที่ติดเพลงนี้ เพราะนี่คือซิงเกิลสุดท้ายของหนู ยิ่งเป็น New Era ของวง BNK48 ด้วย ดีใจที่ได้ติดมาเป็นส่วนหนึ่งของเพลงนี้ หลังจากนี้จะกลับไปทำหน้าที่ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายให้ดีที่สุดอย่างเต็มที่และคุ้มค่าในทุกๆ วินาที 

 

ไข่หวาน: อยากขอบคุณแฟนคลับมากๆ ที่เชื่อมั่นในตัวหนู อย่างที่หนูบอกไปว่า หนูคือคนที่ใช้ชีวิตอย่างสุดโต่งอยู่แล้ว เป้าหมายใดๆ ที่หนูตั้งไว้ก็จะสุดโต่งเหมือนกัน อยากขอบคุณแฟนคลับที่ไม่เคยตั้งคำถามกับเป้าหมายของหนูเลยว่ามันจะเกินตัวเราไปไหม สิ่งที่เราต้องการมันเยอะไปไหม แต่ทุกคนเชื่อมั่นในตัวหนู เหมือนที่หนูเชื่อมั่นในตัวเองและเชื่อมั่นในตัวแฟนคลับ และทุกเป้าหมายที่สำเร็จมันมีแฟนคลับเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในนั้นเสมอ ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันมาเพื่อทำให้เป้าหมายของเราสำเร็จไปด้วยกันและภูมิใจไปด้วยกัน 

 

หลังจากทั้ง 6 สาวได้กล่าวคำขอบคุณถึงแฟนๆ มาประมาณหนึ่ง เราเกิดความรู้สึกว่าอยากให้พวกเธอได้ลอง ‘ขอบคุณตัวเอง’ บ้าง เพราะเราเชื่อว่าบนโลกใบนี้ไม่มีใครรู้จักเราดีเท่าตัวเราเอง 

 

ดังนั้น มันคงจะดีไม่น้อยถ้าพวกเธอได้กล่าว และได้ฟังคำขอบคุณจากคนที่รู้จักพวกเธอดีที่สุด นั่นก็คือตัวเธอเอง

 

 

พิม: อยากขอบคุณตัวเองที่เข้มแข็ง คอยพัฒนาตัวเองมาตลอด เป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น เป็นเวอร์ชันที่ดีขึ้น เป็นคนที่มีความตั้งใจอยู่ตลอด รู้ว่าบางครั้งตัวเองรู้สึกเครียด แต่ก็อยากจะบอกว่าเราผ่านมาได้แล้วนะ เวลารู้สึกไม่ดีก็ไม่เป็นไรนะ เพราะยังมีคนอื่นที่รักและพร้อมซัพพอร์ตเราอยู่เสมอ ขอให้พิมยิ้มเยอะๆ แฮปปี้ให้มากๆ

 

 

 

ปาเอญ่า: ขอบคุณตัวเองที่เข้มแข็ง เพราะหนูเป็นคนที่ค่อนข้างคิดลบกับตัวเองแบบมากๆ ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่หนักสำหรับหนูมากจริงๆ หนูก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นหนักขนาดนี้ หนูอยู่ในจุดที่คิดว่าหนูได้อยู่ในจุดที่ต่ำที่สุดในชีวิตแล้ว แล้วก็ไม่คิดว่าตัวเองจะผ่านมันมาได้ ก็อยากขอบคุณตัวเองที่เข้มแข็งขึ้นมาได้ขนาดนี้ ขอบคุณที่ทนมาจนสถานการณ์ดีขึ้นได้ขนาดนี้ จนมาเป็นปาเอญ่าในเวอร์ชันที่ดีขึ้น อาจจะยังไม่ดีที่สุด แต่ก็คิดว่าเป็นตัวหนูในเวอร์ชันที่โอเคมากๆ แล้ว ก็สู้ๆ นะปาเอญ่า 

 

 

 

พั้นซ์: ขอบคุณตัวเองที่อดทนในหลายๆ เรื่อง จริงๆ ก็มีโอกาสได้ขอบคุณตัวเองบ่อยอยู่เหมือนกันในปีนี้ เพราะมีหลายอย่างเข้ามาในชีวิต เวลาเราทำอะไรแล้วรู้สึกเหนื่อย เราก็จะเชียร์อัพตัวเองว่าอีกนิดหนึ่ง สู้ต่ออีกนิดหนึ่ง พอเราผ่านมาได้ก็จะหันมาขอบคุณตัวเองที่ทำสิ่งนั้นได้สำเร็จ 

 

มีช่วงเวลาที่มีมรสุมผ่านเข้ามาในชีวิตบ้าง แต่เราก็ยังผ่านมาได้ ก็จะคอยบอกกับตัวเองเสมอว่า ถึงจะเผชิญเรื่องที่ยากๆ แต่หลายครั้งเรายังแก้ไขและผ่านมันมาได้ ทำไมครั้งนี้เราจะทำไม่ได้ อาจจะต้องฮึบกันหน่อย อาจจะต้องเหนื่อยหน่อย แต่ทุกครั้งก็ผ่านมาได้ด้วยดี ก็ขอบคุณตัวเองที่ยังสู้กับปัญหาได้อย่างดีค่ะ 

 

 

แชมพู: ที่ผ่านมาพยายามขอบคุณตัวเองตลอด แต่ปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรให้ขอบคุณเยอะเท่าที่ควร แต่ปีนี้มีอะไรให้ขอบคุณเล็กๆ น้อยๆ แล้ววันนี้เป็นวันแรกที่ได้พูดขอบคุณตัวเอง ขอบคุณพี่ที่ให้หนูได้ขอบคุณตัวเองในปีนี้ 

 

ขอบคุณที่ตัวเองผ่านมาในปีที่แล้ว เป็นปีที่มีเรื่องทำให้เครียดในระดับหนึ่ง ขอบคุณที่ไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเจออะไรที่หนักแค่ไหน ก็ถือว่าได้ลองทำแล้ว นอกจากขอบคุณตัวเองแล้วก็อยากขอบคุณคนรอบข้างอีกครั้งที่คอยอยู่ข้างๆ กันแล้วพาให้หนูผ่านปีที่แล้วมาได้ แล้วมันก็ทำให้ปีนี้เป็นปีที่แฮปปี้ขึ้นเยอะมากๆ ขอบคุณค่ะ 

 

 

สตางค์: หนูเป็นคนที่ไม่ได้ขอบคุณตัวเองเลย ที่ผ่านมาคือทำงานมาตลอด ก้มหน้าทำงานแล้วก็กดดันอย่างเดียว เพราะคอยบอกกับตัวเองว่าต้องทำให้ได้อยู่เสมอ ขอบคุณตัวเองที่ถึงแม้จะท้อ แต่ยังไม่ถอย คอยสู้ต่อไป ขอบคุณที่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง แล้วก็ไม่หลอกตัวเองว่าเราต้องการอะไร 

 

 

ไข่หวาน: หนูจะเป็นคนที่เวลามีอะไรจะไม่ค่อยบอกคนอื่นเท่าไร จะเก็บเอาไว้อยู่กับตัวเอง ก็อยากขอบคุณตัวเองที่สามารถอยู่เคียงข้างตัวเราเองได้ตลอดทุกช่วงเวลาเลย บางทีก็อาจจะมีหลอกตัวเองไปบ้างว่าเราไม่เป็นไร ฉันชิลมาก สบายมาก แต่ในใจลึกๆ บางทีก็ย้ำบอกกับตัวเองว่า เรามีอะไรก็บอกกับคนอื่นได้นะ หรือมีอะไรก็แชร์กับคนอื่นบ้างก็ได้ ปีที่ผ่านมาเป็นแบบนี้เยอะมาก เป็นอะไรจะไม่ค่อยบอกใคร แต่ช่วงหลังเวลาเจออะไรมาก็จะคอยบอกกับคนอื่นมากขึ้น อยากจะขอบคุณตัวเองที่กล้าบอกความรู้สึกของตัวเองกับคนอื่น 

 

ช่วงหนึ่งหนูเคยมีความรู้สึกว่าอยากจะแกรด (จบการศึกษาจากวง) ในวันที่เรารู้สึกเหนื่อยและท้อ อยากขอบคุณตัวเองที่ผ่านวันนั้นมาได้ ขอบคุณไข่หวานที่วันนั้นเธอเจ๋งมาก เธอผ่านมันมาได้แล้วก็ทำให้เธอมีทุกวันนี้ ถ้าวันนั้นเราตัดสินใจแบบนั้นไป วันนี้เราอาจจะไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้กับทุกคนก็ได้ ก็อยากจะถือโอกาสนี้ขอบคุณตัวเองมากๆ เลย 

 

ฟังเพลง Kiss Me! (ให้ฉันได้รู้) | BNK48

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X