มีงานวิจัยพบว่า แสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งโทรศัพท์ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ฯลฯ นั้นเกี่ยวพันไปถึงปัญหาผิวแก่ก่อนวัย และจุดด่างดำนั้นเริ่มทำให้หลายคนสงสัยว่า ภัยจากเจ้าแสงสีฟ้านี้ร้ายแรงพอๆ กับรังสียูวีหรือไม่
Blue Light หรือแสงสีฟ้า มีชื่อทางการเต็มๆ ว่า High Energy Visible Light (HEV) เป็นแสงรูปแบบหนึ่งที่อยู่รอบตัวเรา แสงนี้มีช่วงความยาวคลื่นที่มีพลังงานมากที่สุดเท่าที่ตาของเราสามารถมองเห็นได้ ทั้งยังมีความถี่สูงเป็นรองก็แต่รังสียูวี รังสีเอ็กซ์ และรังสีแกมมาเท่านั้น โดยส่งมาตามแสงแดดจากดวงอาทิตย์ และยังเป็นแสงที่ถูกปล่อยออกมาจากไฟ LEDs สร้างความสว่างตามหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ ซึ่งเราใช้เวลาจดจ้องวันละไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง
แสงนี้ได้รับการเปรียบเปรยจากวงการเครื่องสำอางว่าเป็นมลพิษใหม่แบบ Digital Pollution โดยการศึกษาล่าสุดของทีมวิจัยจาก Estee Lauder พบว่า ในเวลากลางคืน แสงสีฟ้าจะรบกวนวงจรนาฬิกาในร่างกายของเรา ทำให้ผิวทำงานผิดปกติไปจากที่ควรจะเป็น เนื่องจากทำให้เกิดการรับรู้ผิดไปว่าในขณะนั้นเป็นเวลากลางวัน จึงส่งผลกระทบต่อกระบวนการฟื้นฟูตามธรรมชาติของผิว ซึ่งปกติเกิดขึ้นในเวลากลางคืน และความเสียหายสะสมนี้ส่งให้ผิวแลดูร่วงโรยก่อนวัยในที่สุด
นอกจากนี้การศึกษาในปี 2008 ของนักวิจัยญี่ปุ่นในหนูทดลองได้พบว่า แสงสีฟ้าไปขัดขวางการฟื้นตัวของปราการผิว ต่อมาในปี 2014 การศึกษาอีกชิ้นสรุปว่า แสงสีฟ้ากระตุ้นให้ผิวอักเสบและนำไปสู่การเกิดจุดด่างดำได้
ในทางตรงข้าม แสงสีฟ้าก็ใช่ว่าจะดูน่ากลัวขนาดนั้น เพราะการได้รับแสงสีฟ้าในเวลากลางวันในปริมาณที่เหมาะสม จะส่งผลดีต่อสุขภาพได้ เช่น ช่วยกระตุ้นระบบความจำ การรับรู้ของสมอง และให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าตื่นตัว แถมเลเซอร์ทรีตเมนต์แสงสีฟ้ายังช่วยแก้ปัญหาสิวได้ด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณอาจจะอดลังเลไม่ได้ว่า แล้วเราควรเริ่มกังวลหรือไม่เวลาไถหน้าจอดูฟีดอินสตาแกรมยามค่ำคืน
ลอเร็ตต้า ซิรัลโด้ (Loretta Ciraldo) แพทย์ผิวหนังชื่อดังจากไมอามีมีคำตอบ โดยเธอเป็นคนแรกๆ ที่ศึกษาเรื่องภัยร้ายของรังสียูวีเอที่มีต่อผิว ลอเร็ตต้าให้ความเห็นว่า แสงสีฟ้าจะเป็นอันตรายกับผิวก็ต่อเมื่อเราได้รับแสงนั้นมากเกินไป ยืนยันจากตลอดในช่วงปีนี้เธอสังเกตว่า สาวๆ ที่มาทำการรักษากับเธอนั้นเริ่มมีรูปแบบตำแหน่งการเกิดจุดด่างดำในจุดที่แปลกออกไป เพราะการทำงานและใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลทำให้ยากที่จะเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ “ตำแหน่งจุดด่างดำดูผิดปกติจากแต่ก่อน ที่เราจะเห็นจุดด่างดำในช่วงหน้าแก้ม หน้าผาก กลางใบหน้า เพราะเป็นจุดที่แสงแดดตกกระทบ ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าฉันสังเกตเห็นจุดด่างดำปรากฏที่ช่วงข้างใบหน้าและใกล้กับใบหูมากขึ้น เรียกว่าเป็นจุดที่เราแนบโทรศัพท์เพื่อใช้งาน”
เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ลอเร็ตต้านึกย้อนไปถึงการศึกษาเรื่องแสงสีฟ้าในปี 2014 ที่เธอเคยอ่าน “เรารู้ดีว่าเวลาอยู่กลางแจ้งข้างนอก แสงแดดเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ทำร้ายผิว แต่ตอนนี้แม้เวลาอยู่ในที่ร่ม ด้วยไลฟ์สไตล์ที่พึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น ก็ต้องเริ่มระวังเรื่องแสงหน้าจอต่างๆ ที่ส่งผลเสียระยะยาวต่อผิวด้วย”
ในส่วนของผิวแก่ก่อนวัยนั้น ดร.บาร์บารา สตรัม (Barbara Sturm, MD) ศัลยแพทย์และครีเอเตอร์แบรนด์สกินแคร์ชื่อดังจากเยอรมนีกล่าวว่า ในแสงแดดนั้นจะประกอบด้วยแสงสีฟ้ากว่า 25-30% และช่วงความยาวคลื่นของแสงสีฟ้านั้นลงไปในผิวได้ลึกกว่ารังสียูวีเอและบีเสียอีก โดยจะลงไปทำลายชั้นผิวบริเวณที่มีคอลลาเจน อิลาสติน ส่งให้ผิวสูญเสียความกระชับยืดหยุ่นจนเกิดเป็นริ้วรอยได้ ดังนั้นในจุดนี้ หลักๆ จึงต้องพึ่งครีมบำรุงที่มีแอนติออกซิแดนต์สูง ช่วยปกป้องปราการผิว และใช้ครีมกันแดดเสมอ แม้ว่าครีมกันแดดทั่วไปส่วนใหญ่ยังไม่ได้พัฒนาให้ครอบคลุมการปกป้องผิวจากแสงสีฟ้าโดยเฉพาะ แต่ที่ยุโรปก็มีบางแบรนด์ที่เริ่มพัฒนากันแดดสูตรใหม่ๆ ออกมาแล้ว นอกจากนี้ลองปฏิบัติตามคำแนะนำเบื้องต้น เช่น เวลากลางคืนให้ลดการใช้อุปกรณ์หน้าจอดิจิทัลต่างๆ ลงบ้าง ปรับแสงหน้าจอให้ไม่จ้าเกิน รวมถึงลองหาหน้ากากที่ช่วยกรองแสงสีฟ้ามาติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสริมเข้าไป เชื่อว่าแค่นี้เพียงพอจะช่วยให้สาวยุคดิจิทัลอย่างเราปกป้องผิวเองได้อีกระดับหนึ่ง
ตัวช่วยยามราตรี
1. Advanced Night Repair Eye Supercharged Complex Synchronized Recovery จาก Estee Lauder (2,700 บาท)
อายครีมใหม่ ปกป้องผิวรอบดวงตาจากปัจจัยทำร้ายผิวอย่างมลภาวะและแสงสีฟ้า ที่เกิดจากรูปแบบการใช้ชีวิตยุคดิจิทัล
2.Anti-Pollution Drops จาก Dr. Barbara Sturm (5,950 บาท)
เซรั่มผสานพลังแอนติออกซิแดนต์ ช่วยเสริมปราการผิวให้แข็งแรง และปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงสีฟ้า
3.Cilantro & Orange Extract Pollutant Defending Masque จาก Kiehl’s (1,250 บาท)
มาสก์ช่วยดีท็อกซ์ผิวจากมลภาวะ ผสานสารสกัดจากส้มและผักชี ช่วยต้านอนุมูลอิสระและปรับให้ผิวแข็งแรง
4.Antioxidant-Infused Sunscreen Mist with Vitamin C SPF 50 จาก Supergoop (510 บาท)
สเปรย์กันแดดเนื้อบางเบาผสานวิตามินซี เพื่อป้องกันผิวแก่ก่อนวัย และช่วยต้านอนุมูลอิสระ
5.C Antioxidant Glow Serum จาก Skin Design London (5,500 บาท)
เซรั่มผสานวิตามินซีเข้มข้น ดูแลผิวครอบคลุมทั้งเรื่องความกระจ่างใสและริ้วรอย พร้อมกระตุ้นให้ผิวต้านทานมลภาวะและแสงแดดได้ดีขึ้น
6.The Total Shield SPF50 PA++++ Anti-Pollution จาก EviDenS de Beauté (5,950 บาท)
ผลิตภัณฑ์กันแดดในเนื้อออยล์ผสมเจล เบาผิว ผสานสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันผิวจากรังสียูวีเอ รังสียูวีบี รังสีอินฟาเรด และแสงสีฟ้าได้ครบ
7.Dr. Andrew Weil For Origins Mega-Mushroom Relief & Resilience Soothing Face Cream จาก Origins (3,600 บาท)
ครีมบำรุงรวมพลังสารสกัดจากเห็ดหลากสายพันธุ์ ช่วยต้านการอักเสบในผิวและปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ
8.Blanc Expert Double Ampoule Day & Night Solution จาก Lancome (4,300 บาท)
ทรีตเมนต์เข้มข้นช่วยให้ผิวพร้อมต้านมลภาวะ และปรับให้ผิวกระจ่างใส มี 2 สูตรสำหรับกลางวันและกลางคืนในขวดเดียว
9.Extra-Firming Nuit จาก Clarins (4,000 บาท)
ไนต์ครีมผสาน Anti-pollution Complex ช่วยชะลอความร่วงโรยผิว และช่วยฟื้นฟูผิวจากมลภาวะต่างๆ ทั้งความเครียด รังสียูวี และมลพิษ
10.Protective Facial Lotion SPF 30 จาก Aesop (2,250 บาท)
ผลิตภัณฑ์กันแดดเนื้อโลชันเบาสบาย ให้ผิวชุ่มชื่น ผสมสารแอนติออกซิแดนต์ ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีเอและบี
อ่านเรื่อง พิษร้ายของการเล่นมือถือก่อนนอน ได้ที่นี่
อ่านเรื่อง ดิจิทัล ดีท็อกซ์ กลับมานะ…สติ! ได้ที่นี่
ภาพ: Courtesy of Brands
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- www.cosmeticsandtoiletries.com/formulating/function/uvfilter/premium-a-melanin-derivative-to-shield-the-skin-from-high-energy-visible-light-211002591.html
- www.theguardian.com/fashion/2017/jun/01/lights-off-is-the-glare-from-your-computer-really-ageing-your-skin
- www.elle.com/beauty/makeup-skin-care/news/a40132/blue-hev-light-skin-aging