วันนี้ (12 พฤษภาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 8 ลุยหาเสียงต่อเนื่องช่วงโค้งสุดท้ายที่เขตดุสิต โดยเริ่มต้นเช้านี้ที่ตลาดเทวราช ทักทายพ่อค้าแม่ขายและประชาชนในตลาดและชุมชนย่านเทเวศร์ พร้อมสำรวจสถานีสูบน้ำเทเวศร์ บริเวณปากคลองผดุงกรุงเกษมเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยา
จากนั้นชัชชาติให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนโดยกล่าวว่า เขตดุสิตมีจุดเสี่ยงน้ำท่วมบนถนนสายหลักและจุดเฝ้าระวังน้ำท่วม เช่นเดียวกับใน กทม. หลายพื้นที่ เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมกรณีฝนตกหนัก อย่างไรก็ตาม นอกจากปริมาณน้ำฝน ปัจจัยที่ก่อความเสี่ยงน้ำท่วมในเขตดุสิตยังมีสาเหตุจากน้ำเหนือและน้ำทะเลหนุน เนื่องจากพื้นที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา
ดังนั้นนอกจากการขุดลอกคลองและท่อระบายน้ำอย่างสม่ำเสมอ ชัชชาติยังเสนอให้สำรวจคันกั้นน้ำบริเวณชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งยังพบปัญหา ‘ฟันหลอ’ หรือยังไม่มีการก่อสร้างคันกั้นน้ำ นอกจากนี้ยังเสนอใช้เทคโนโลยีคาดการณ์ความเสี่ยงน้ำท่วม พร้อมทบทวนแผนการและผลักดันโครงการทั้งระบบ ครอบคลุมปัญหาน้ำท่วมถนนสายหลักและตรอกซอยทั่ว กทม.
“การแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ควรแก้ช่วงหน้าฝน เพราะถึงหน้าฝนก็สายเสียแล้ว จริงๆ ต้องเริ่มรับมือตั้งแต่หน้าแล้ง หรือสามารถหาช่วงเวลาแก้ปัญหาได้ทั้งปี ตั้งแต่การขุดลอกคูคลอง ขุดลอกท่อระบายน้ำ แล้วตรงเทเวศร์ปัญหาไม่ใช่แค่น้ำฝน แต่ยังมีน้ำคลอง น้ำทะเลหนุน น้ำเหนือลง เพราะถ้าน้ำไหลเร็วเกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะเกิดปัญหาน้ำเอ่อล้นออกมา เพราะฉะนั้นต้องเร่งสำรวจคันกั้นน้ำ และเร่งแก้ไขปัญหาจุดที่เป็นฟันหลอเพื่อป้องกันน้ำท่วม” ชัชชาติกล่าว
นอกจากนี้ชัชชาติยังกล่าวถึงศักยภาพของคลองผดุงกรุงเกษมว่าเป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำสำคัญ ปัจจุบัน กทม. ได้ให้บริการเดินเรือเชื่อมต่อกับเรือด่วนเจ้าพระยา เรือคลองแสนแสบ และรถไฟฟ้าบางสถานี เป็นต้นแบบที่สามารถขยายการให้บริการในพื้นที่ฝั่งธนบุรี เช่น คลองภาษีเจริญ ที่ปัจจุบัน กทม. ได้ยุติการให้บริการชั่วคราว ขณะที่ฝั่งกรุงเทพฯ เสนอให้ขยายเส้นทางเดินเรือคลองแสนแสบไปยังพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอก และเรือคลองลาดพร้าวที่เชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าทั้งเก่าและใหม่หลายสถานี
