ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเมื่อคืนที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ปรับตัวร่วงลงมากกว่า 10% มาอยู่ต่ำกว่าระดับ 32,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือหลุด 1,000,000 บาทเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะรีบาวด์กลับขึ้นมา โดยเป็นผลจากแรงเทขายครั้งใหญ่ของบรรดานักลงทุน
แม้จะไม่มีการระบุสาเหตุของการเทขายที่ชัดเจน แต่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเชื่อว่า หนึ่งในสาเหตุสำคัญมาจากรายงานข่าวที่เปิดเผยว่า ทางการสหรัฐฯ สามารถตามยึดคืน Bitcoin มูลค่ากว่า 2.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่บริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ จ่ายเป็นค่าไถ่ให้กับกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่ใช้ชื่อว่า DarkSide ซึ่งอยู่เบื้องหลังจากโจมตีทางไซเบอร์ อีกทั้งสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือ FBI ยังสามารถเข้าถึง Private Key ซึ่งเป็นพาสเวิร์ด หรือรหัสผ่านที่เข้ากระเป๋าเงิน (Wallet) ที่ใส่เงิน Bitcoin ของหนึ่งในกลุ่มแฮ็กเกอร์อีกด้วย
นักวิเคราะห์มองว่า ข่าวดังกล่าวสั่นคลอนความเชื่อมั่นในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ที่มองกันว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยและยากต่อการตรวจสอบตามรอย จนเป็นที่ถูกใจและชื่นชอบในกลุ่มแฮ็กเกอร์ เพราะวางใจว่าเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถแกะรอยและตามยึดเงินคืนกลับไปได้
ทั้งนี้ราคา Bitcoin เคยพุ่งมากกว่า 64,400 ดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเป็นการขานรับกับกรณีที่ Coinbase Global Inc. แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น Nasdaq
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเพียง 1 เดือน ราคา Bitcoin ร่วงลงไปกว่า 50% โดยไหลลงแตะระดับ 30,261 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับการเข้าควบคุมตลาดคริปโตเคอร์เรนซีของทางการจีนและสหรัฐฯ รวมถึงกรณีที่ อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง Tesla ประกาศงดรับ Bitcoin ในการซื้อรถยนต์ Tesla โดยอ้างความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการขุด Bitcoin ต้องใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลจำนวนมาก
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
