เมื่อวานนี้ (9 กันยายน) รายงานล่าสุดขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ประจำปี 2020 ชี้ว่า จำนวนประชากรสัตว์ป่าในโลกลดลง 68% ในช่วงปี 1970-2016 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่แถบลาตินอเมริกาและแคริบเบียน ซึ่งรายงานที่จัดทำขึ้นทุกๆ 2 ปีฉบับนี้ยังระบุอีกว่า จำนวนประชากรของสัตว์โลกที่ลดลงนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ที่แตกร้าวระหว่างมนุษย์และระบบนิเวศของโลก เกิดเป็นความเสื่อมโทรมและเอื้อให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคร้ายเกิดขึ้นและทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
รายงานยังคงชี้ว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ขับเคลื่อนและเร่งให้เกิดความเสื่อมถอยในระบบนิเวศมากที่สุด อีกทั้งยังมีส่วนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ตัดไม้ทำลายป่า และบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อใช้ในการเกษตรกรรม โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาภัยพิบัติทางธรรมชาติ วิกฤตฝุ่นละออง ปัญหาหมอกควัน และวิกฤตไฟป่ารุนแรงเป็นปัญหาเรื้อรังในหลายพื้นที่ทั่วโลก
ทางด้าน Rebecca Shaw หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ประจำ WWF มองว่า คนรุ่นใหม่จะช่วยเป็นสะพานเชื่อมอนาคตของพวกเขากับระบบนิเวศของโลกที่ค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้น ผ่านทัศนคติที่อยากจะมีส่วนช่วยในการรักษ์โลกและสร้างโลกที่มีความยั่งยืน
ภาพ: Stockpexel / Shutterstock
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: