ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา SCB 10X ได้จัดสัมมนาใหญ่ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่โลกการเงินแห่งอนาคต ผ่านเวที ‘REDeFiNE Tomorrow 2021: Global DeFi Virtual Summit’ โดยเป็นงานสัมมนารูปแบบออนไลน์ที่รวมเอากูรูแถวหน้าระดับโลกในด้าน Decentralized Finance (DeFi) และ Digital Asset มาอยู่บนเวทีเดียวกัน เพื่อร่วมกันเจาะลึกทุกประเด็นสำคัญในโลกการเงินยุคใหม่
งานสัมมนาในครั้งนี้มีหลายเวทีที่น่าสนใจ แต่หนึ่งในเวทีที่ผู้คนเฝ้าจับตาดูมากที่สุดคือ เวที REDeFiNE Tomorrow 2021: Global DeFi Virtual Summit โดยมี ชางเพ็งเจา ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของ Binance มาเป็นผู้บรรยาย โดยมี มุขยา พานิช Chief Venture & Investment Officer จาก SCB 10X เป็นผู้ดำเนินรายการบนเวที
ชางเพ็งเจา หรือที่คนในวงการคริปโตเรียกกันว่า ‘Cz’ นอกจากจะเป็นซีอีโอของ Binance ซึ่งเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนคริปโตฯ (Exchange) ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลกแล้ว เขายังเป็นผู้ให้บริการเกี่ยวกับคริปโตฯ บนระบบบล็อกเชนอย่าง Binance Smart Chain เพื่อสร้างระบบนิเวศทางการเงินไร้ศูนย์กลางด้วย
Cz กล่าวให้ความเห็นบนเวทีดังกล่าวว่า ตลาดคริปโตฯ ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ถือว่ามีการเติบโตขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดมากๆ แม้อุตสาหกรรมในคริปโตฯ ยังเล็ก ด้วยจำนวนคนใช้ที่น้อยกว่า 2-3% แถมส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มที่เทรดในลักษณะเก็งกำไร (Speculative)
อย่างไรก็ตาม เขามองว่า โลกคริปโตฯ ยังมีช่องว่างให้เติบโตได้อีกมากนอกเหนือจากการเทรด ดังที่เกิดขึ้นกับโลก Defi หรือ Decentralized Finance ที่มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ เกิดขึ้นมามากมาย เช่น การปล่อยกู้แบบ P2P , การเป็นศูนย์การแลกเปลี่ยนแบบไร้ตัวกลาง (Decentralised Exchange: DEX), โทเคนหุ้น เป็นต้น
ขณะเดียวกันยังมี NFTs (Non Fungible Token ที่เป็นระบบเหรียญไว้นำมาแลกเปลี่ยนมูลค่าของชื่อเสียง งานศิลปะ หรือคอนเทนต์พิเศษๆ) หรือแม้แต่เกมที่ใช้ระบบบล็อกเชน (เช่น Axie Infinity) ก็กำลังเติบโตอยู่เช่นกัน
ส่วนการจะดึงดูดให้ผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามาลงทุนในตลาดนี้เพิ่มเติมนั้น Cz กล่าวว่า ต้องสร้างผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคใช้งานได้ง่ายและต้องเข้าถึงได้ง่ายด้วย เพราะปัจจุบันยังมีข้อจำกัดหลายอย่างที่คนทั่วไปยังเข้าถึงได้ยากอยู่ แต่กระนั้นเองตัวเขาก็ยังเห็นการเติบโตในโลก Defi, NFTs หรือเกม อย่างน่าตื่นเต้นอยู่ดี
สำหรับประเด็นที่กำลังเป็นกระแสร้อนแรงในช่วงนี้ ซึ่งแม้แต่ Binance เองก็โดนผลกระทบโดยตรงด้วยนั่นคือ การที่หลายประเทศเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นนั้น ในเรื่องนี้เขากล่าวย้ำว่า ประเด็นทางกฎหมายและการควบคุมนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา เห็นได้จากการที่ในอดีตชาวจีนนิยมขุด Bitcoin กันค่อนข้างมาก และยังมีการเทรดคริปโตฯ ค่อนข้างมากด้วย แต่รัฐบาลจีนก็เข้าไปควบคุมอย่างต่อเนื่อง
หรือแม้แต่ประเทศในแถบอเมริกาเหนือและยุโรป ซึ่ง Cz ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ในมุมกลับกัน หากมองย้อนมาที่สหรัฐฯ ที่มีกฎหมายอีกแบบหนึ่ง ประกอบกับความที่มีเทคโนโลยีค่อนข้างมาก จึงทำให้เกิด DeFi Project หรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับ DeFi เกิดขึ้นมามากมาย แต่ก็มี Exchange เกิดขึ้นไม่มากเช่นกัน เพราะมีรายใหญ่ที่เกิดขึ้นมานานได้ครองตลาดไปเเล้ว
โดย Cz กล่าวย้ำว่า ต้องพยายามดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายของประเทศต่างๆ ให้ได้มากที่สุด โดยเขาได้ขยายทีมงานด้านกฎหมายอยู่ในหลายๆ ประเทศ เพื่อทำให้มันถูกต้อง
นอกจากนี้อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจที่ผู้ดำเนินรายการได้ถาม Cz ก็คือ ความเป็นศูนย์กลาง (Centralised) ของ Binance Smart Chain (BSC) (เครือข่ายบล็อกเชนที่ก่อตั้งโดย Binance ที่สามารถใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ ได้ โดยมี BNB หรือโทเคนของ Binance เป็นเหรียญที่ใช้ทำธุรกรรมประจำระบบของ BSC) เทียบกับ Ethereum Chain ที่ไร้ศูนย์กลาง (Decentralised) กว่าหรือเปล่า
ส่วนคำถามบนเวทีซึ่งถาม Cz ว่า ในอนาคตจะนำ Binance เสนอขาย IPO เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวตอบว่า มีความเป็นไปได้ที่ Binance ในสหรัฐฯ ที่เป็นพาร์ตเนอร์ของเขาอาจนำ Binance ขาย IPO เพื่อเป็นทางเลือกในการระดมทุน
อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า ด้วยความที่ Binance ทำงานออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ และยังไม่มีสำนักงานใหญ่หรือออฟฟิศแบบที่บริษัทอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์มี ทำให้เขาอาจต้องเร่งวางโครงสร้างต่างๆ เหล่านี้ก่อน เพื่อเป็นการปูพรมทำ IPO ในวันข้างหน้า
