×

5 ของขวัญล้ำค่า มอบให้ตัวเองในปีใหม่

31.12.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • การรู้อะไรใหม่ๆ เป็นผลดีกับตัวเราแน่นอน หลายคนมีไอเดียอยากทำอะไรให้ตัวเอง แต่สุดท้ายพบว่าไม่มีเวลา ของพวกนี้ต้องฝืนใจทำช่วงแรกให้ได้ครับ และทำไปเรื่อยๆ จากนั้นจะเกิดเป็นวินัยเอง
  • คนเราทุกคนต่างต้องเคยผิดพลาด ผิดหวังกันมาทั้งนั้น บางคนก้าวผ่านมันได้ แต่หลายคนผ่านไม่ได้ และสิ่งที่ทำให้ผ่านไปไม่ได้ก็คือการไม่ให้อภัยตัวเอง ถ้าปีที่ผ่านมานี้เป็นปีที่ผิดพลาดของคุณ อยากให้คุณอภัยและให้กำลังใจตัวเองอีกครั้ง เพราะไม่มีใครจะให้กำลังใจและพลังได้ดีเท่ากับตัวคุณเอง
  • หากมีฝันหรือมีแผนอะไรในใจ ลองค่อยๆ ดึงมันออกมาจากลิ้นชักดูบ้างครับ ถ้ายังไม่พร้อมลุย 100% ก็ลองคิดว่ามันพอจะลุยก่อนสัก 10-20% ได้ไหม ถึงจะไม่ใช่ตามแผนเป๊ะๆ แต่มันก็อยู่ในเส้นทางของแผนหรือฝันอยู่ดี อย่างไรเสีย มันก็ดีกว่าการไม่ลงมือทำอะไรเลย

เมื่อเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ หลายท่านก็จะนึกถึงของขวัญที่มอบให้คนอื่น ทว่าก็มีอยู่คนหนึ่งครับที่บางทีก็ลืมนึกไป นั่นก็คือตัวเรา

 

ซึ่งบางคนอาจเถียงว่าก็ให้รางวัลตัวเองอยู่แล้ว เช่น ซื้อของชิ้นใหญ่ให้ตัวเอง หรือเก็บเงินไปเที่ยวช่วงสิ้นปี แต่ผมอยากบอกว่าจริงๆ นอกจากสิ่งของหรือสิ่งที่ให้ความบันเทิงแก่เรานั้นก็ยังมีอีก 5 สิ่งที่ผมอยากแนะนำไว้เผื่อเป็นไอเดียสำหรับใครที่อยากมอบของขวัญให้ตัวเอง รวมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับปีใหม่ ซึ่งมีดังนี้ครับ

 

1. ความรู้

สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นของขวัญที่ดีและมีประโยชน์มากๆ ก็คือความรู้หรือทักษะใหม่ๆ ซึ่งอาจมาจากการอ่านหนังสือ การลงคอร์สเรียน หรือการให้เวลาตัวเองฝึกฝนทักษะใหม่ๆ

 

และคงไม่ต้องอธิบายกันนะครับว่ามันดีอย่างไร เพราะทุกท่านคงยอมรับอยู่แล้วว่าการรู้อะไรใหม่ๆ เป็นผลดีกับตัวเราแน่นอน ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากเสริมต่อจากนี้คือเรื่องของการบริหารเวลาตัวเองที่จะได้มีเวลาเติมความรู้หรือทักษะใหม่ๆ เพราะคิดว่าคงจะเป็นปัญหาของใครหลายคนว่า มีไอเดียอยากทำอะไรให้ตัวเอง แต่สุดท้ายพบว่าไม่มีเวลาทำมัน

 

ผมจะบอกว่าของพวกนี้ต้องฝืนใจทำช่วงแรกให้ได้ครับ และทำไปเรื่อยๆ จากนั้นจะเกิดเป็นวินัยเอง เช่น ลองแบ่งไว้เลยว่าทุกวันจะให้เวลา 30 นาที กับการอ่านหนังสือ และพยายามบังคับตัวเองให้ทำได้เรื่อยๆ แล้วอีกสักพักจะเริ่มเห็นเองครับว่าตัวเราสามารถทำสิ่งนั้นได้สำเร็จจนเป็นกิจวัตรใหม่

 

2. สุขภาพที่ดี

ผมว่าของขวัญนี้คล้ายกับข้อแรกที่ทุกท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าดีอย่างไร คือการรักษาสุขภาพ เช่น กินอาหารที่มีประโยชน์ หรือออกกำลังกาย แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะหลายคนยังเคยชินกับพฤติกรรมการกินที่ไม่ระวัง หรือการไม่ออกกำลังกาย

 

ซึ่งคำแนะนำก็คล้ายกับข้อแรกครับ คือต้องรู้จักแบ่งเวลาให้ตัวเอง และพยายามสร้างข้อบังคับตัวเองขึ้นมา เช่น นัดเพื่อนไปออกกำลังกาย จะได้เบี้ยวไม่ค่อยได้ หรือตั้งกติกาเล็กๆ กับตัวเองว่า จะลดการดื่มน้ำอัดลมด้วยการเปลี่ยนจากกินทุกวันมาเป็นวันเว้นวัน จากนั้นก็ฝืนใจตัวเองหน่อย ไม่นานคุณก็จะเริ่มมีวินัยกับเรื่องนี้ได้ดีขึ้น

 

3. เพื่อนใหม่

ของขวัญนี้เป็นสิ่งที่ผมเรียนรู้ตลอดชีวิตที่ผ่านมาว่า การได้พบเจอคนใหม่ๆ เหมือนกับการได้อ่านหนังสือเล่มใหม่อยู่เสมอ ฉะนั้นอย่ามองข้ามเรื่องความสัมพันธ์หรือการพบปะผู้คนนะครับ บางทีเราไม่มีทางรู้เลยว่าเพื่อนใหม่หรือคนรู้จักใหม่จะมอบอะไรให้เราบ้าง หรือจะนำพาเราไปสู่อะไรบ้าง ฉะนั้นหากเป็นไปได้ ลองให้โอกาสตัวเองได้ทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ หรือสังคมใหม่ๆ ผมว่าคุณน่าจะได้อะไรกลับมาแน่ๆ อย่างน้อยที่ได้ก็คือ มิตรภาพและความสัมพันธ์ครับ

 

4. ให้อภัยตัวเอง

ของขวัญชิ้นนี้เป็นสิ่งที่ผมขอสนับสนุนให้ทุกคนมอบให้ตัวเองมากๆ ครับ นั่นคือ ‘การให้อภัยตัวเอง’ ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนต่างต้องเคยผิดพลาด ผิดหวังกันมาทั้งนั้น บางคนก้าวผ่านมันได้ แต่หลายคนผ่านไม่ได้ และสิ่งที่ทำให้ผ่านไปไม่ได้ก็คือไม่ให้อภัยตัวเอง

 

อย่างปีที่กำลังจะผ่านพ้นไป ผมไม่ทราบว่าใครมีปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง บางคนอาจบอกว่าเป็นปีที่ดี บางคนอาจบอกว่าเป็นปีที่เลวร้าย แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมเชียร์ให้ทุกคนให้ของขวัญตัวเองด้วยการให้อภัยกับความผิดพลาดในอดีตครับ อันที่จริงความล้มเหลวเป็นครูสอนชีวิตที่ดีครับ แต่ก็ไม่ควรจะเก็บมาเป็นบ่วงรั้งไม่ให้เราไปไหน

 

ผมเห็นชีวิตหลายคนที่ประสบความสำเร็จต่างล้มเหลวกันมาทั้งนั้น และหลายคนล้มเหลวหรือผิดหวังบ่อยมาก อาจเรียกได้ว่าความล้มเหลวเป็นของที่มาคู่กับความสำเร็จ แต่สิ่งที่ทำให้คนที่เคยล้มเหลวกลับมาประสบความสำเร็จได้ อย่างหนึ่งที่ต้องมีก็คือการให้อภัยตัวเอง ฉะนั้นถ้าปีที่ผ่านมานี้เป็นปีที่ผิดพลาดของคุณ ผมอยากให้คุณอภัยและให้กำลังใจตัวเองอีกครั้ง เพราะไม่มีใครจะให้กำลังใจและพลังได้ดีเท่ากับตัวคุณเองครับ

 

5. โอกาส

สำหรับของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ผมมาแนะนำ เป็นของขวัญที่ผมเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนแปลงไปมากเลยครับ ของขวัญชิ้นนี้ก็คือการ ‘ให้โอกาส’ ตัวเอง ผมเชื่อว่าหลายท่านคงมีแผนในใจว่าอยากทำอะไรบางอย่าง หรืออยากทำตามความฝัน เช่น อยากลองทำธุรกิจของตัวเอง หรืออยากขยับขยายธุรกิจใหม่ๆ

 

จริงๆ ผมก็ไม่ได้เชียร์ให้ลุยเดินหน้าทันทีนะครับ เพราะของแบบนี้ก็ต้องดูความพร้อมและความเหมาะสมด้วย หากลุยเดินหน้าโดยไม่พร้อมนั้นอันตรายมากๆ สิ่งที่ผมอยากบอกคือแบบนี้ครับ อย่าเก็บความฝันหรือแผนในใจใส่ลิ้นชักไว้นานเกิน แต่ต้องให้โอกาสตัวเองได้ลงมือทำมันบ้าง เพราะไม่เช่นนั้นลิ้นชักนั้นอาจถูกปิดตายไปเลยก็ได้ มารู้ตัวอีกทีก็เสียดายที่ไม่ยอมทำ

 

ผมคิดว่าหากมีฝันหรือมีแผนอะไรในใจ ลองค่อยๆ ดึงมันออกมาจากลิ้นชักดูบ้างครับ ถ้ายังไม่พร้อมลุย 100% ก็ลองคิดว่ามันพอจะลุยก่อนสัก 10-20% ได้ไหม เช่น ถ้าอยากทำธุรกิจเล็กๆ ลองเริ่มจากทำอะไรขายแบบเล็กๆ ก่อนได้หรือเปล่า หรือไปช่วยคนอื่นเขาขายก่อน อย่างน้อยถึงจะไม่ใช่ตามแผนเป๊ะๆ แต่มันก็อยู่ในเส้นทางของแผนหรือฝันอยู่ดี อย่างไรเสียมันก็ดีกว่าการไม่ลงมือทำอะไรเลย ดังนั้นผมคิดว่าคงไม่มีอะไรจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในชีวิตเท่ากับการ ‘ให้โอกาส’ ตัวเองครับ

 

สำหรับ 5 ของขวัญที่ผมมาแนะนำอาจฟังดูนามธรรมและไม่ได้ลงลึกละเอียดชัดนัก เหตุผลก็เพราะอยากเปิดให้ทุกท่านได้ลองเติมไอเดียหรือโจทย์ของท่านใส่เข้าไปเอง อีกอย่างคือเงื่อนไขและความเหมาะสมของแต่ละท่านก็แตกต่างกัน จึงยากที่จะแนะนำแบบเป๊ะๆ ฉะนั้นก็เลยเปิดไอเดียไว้คร่าวๆ ส่วนที่เหลือก็อยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละท่านครับว่าจะออกแบบของขวัญนั้นอย่างไร

 

ซึ่งผมเชื่อว่าหากท่านได้ลองให้ของขวัญอย่างน้อยสักข้อหรือสองข้อ นี่ก็คือนิมิตหมายที่ดีสำหรับปีใหม่แล้วครับ อย่างไรก็ดี ผมขอเอาใจช่วยทุกท่านนะครับ 🙂

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising