×
SCB Index Fund 2024
SCB Omnibus Fund 2024

เจาะชีวิต ‘เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์’ ผู้ปกครองอาณาจักรลักชัวรี ‘LVMH’ ที่กลายเป็นบุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดของโลกคนใหม่แทนที่ อีลอน มัสก์

28.01.2023
  • LOADING...
เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์

HIGHLIGHTS

6 mins. read
  • เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของกลุ่ม Moët Hennessy Louis Vuitton หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘LVMH’ เจ้าของแบรนด์สินค้าระดับลักชัวรีมากมาย กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกคนใหม่แทนที่อีลอน มัสก์
  • จุดเริ่มต้นการลงทุนในแวดวงแฟชั่นเกิดจากเหตุผลอยู่ 2 อย่างคือ อย่างแรก Christian Dior คือน้ำหอมที่แม่ของเขาชอบ และอีกข้อคือ นี่เป็นแบรนด์ตัวแทนของฝรั่งเศสที่โลกรู้จักโดยไม่จำเป็นต้องแนะนำตัว
  • ว่ากันว่าในแต่ละวันเขามักจะเดินทางไปตรวจสอบตามร้านค้าทั้งที่อยู่ในเครือของ LVMH และสอดส่องร้านค้าของคู่แข่งด้วยตัวเอง ในแต่ละวันอาจจะมากถึง 25 แห่งเลยทีเดียว ก็เพื่อจะได้รู้รอบอยู่เสมอว่าตอนนี้สถานการณ์ในตลาดเป็นอย่างไร
  • สิ่งที่อาร์โนลต์เรียนรู้จากจ็อบส์นั้นเขาเปิดเผยในบทสัมภาษณ์ว่า “ความสำเร็จของสตีฟ จ็อบส์ มาจากการผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์ และการสัมผัสได้ถึงวิธีการจัดการเพื่อการเติบโต”

ความวายวอดของ อีลอน มัสก์ ซีอีโอแห่ง Tesla, SpaceX และ Twitter ซึ่งกลายเป็นบุคคลแรกในประวัติศาสตร์ที่สูญเสียทรัพย์สินรวมไปมากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ในระยะเวลาแค่ไม่นาน ได้กลายเป็นการเปิดทางให้แก่มหาเศรษฐีคนใหม่ที่ก้าวขึ้นมาครองตำแหน่ง ‘คนรวยที่สุดในโลก’ แทน

 

บุคคลดังกล่าวคือ เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของกลุ่ม Moët Hennessy Louis Vuitton หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘LVMH’ เจ้าของแบรนด์สินค้าระดับลักชัวรีที่เป็นที่ปรารถนาของสาวกทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Tiffany & Co., Christian Dior และอีกมากมายในหลายหลากประเภทสินค้ารวมแล้วกว่า 70 แบรนด์

 

นิตยสาร Forbes และ Bloomberg ได้ประกาศให้อาร์โนลด์ในวัย 73 ปี กลายเป็นบุคคลผู้รำ่รวยที่สุดของโลกคนใหม่เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยตามการประเมินจาก Forbes แล้ว ทรัพย์สินรวมของเขามีมูลค่าที่ราว 1.91 แสนล้านดอลลาร์ หรือกว่า 6.4 ล้านล้านบาท ในขณะที่ Bloomberg ประเมินไว้ที่ 1.72 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 5.73 ล้านล้านบาท

 

ชายผู้เป็นเจ้าแห่งลัทธิความหรูหราคนนี้เป็นใครมาจากไหน บางทีเราก็ควรจะทำความรู้จักเรื่องราวของเขาเอาไว้เหมือนกัน

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง:

 


 

วิศวกรผู้ฝันถึง Christian Dior

เส้นทางชีวิตของ เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ สู่การเป็นพระราชาแห่งวงการสินค้าแบรนด์เนมนั้นไม่ได้เริ่มต้นที่การค้าขายในตระกูลที่ร่ำรวย หรือการมีแรงบันดาลใจจากข้าวของสวยหรูอะไร

 

ในทางตรงกันข้าม เขาไม่ได้มีพื้นเพอะไรทำนองนี้เลยด้วย เพราะเติบโตในครอบครัวที่ทำธุรกิจด้านวิศวกรรมโยธาที่ก่อตั้งมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ซึ่งอาร์โนลต์ก็ร่ำเรียนทางด้านนี้มาโดยตรงเพื่อจะรับช่วงกิจการต่อจากพ่ออีกทอดหนึ่ง แต่ได้ตัดสินใจเปลี่ยนธุรกิจของครอบครัวจากงานด้านวิศวกรรมโยธามาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แทน

 

อาร์โนลต์ทำมาค้าขึ้นในธุรกิจด้านนี้ แต่ชีวิตต้องถึงคราวระหกระเหินเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจภายในประเทศฝรั่งเศส จนทำให้ต้องพาครอบครัวไปทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกาในปี 1981 ก่อนที่จะกระเตงกันกลับมาบ้านเกิดอีกครั้งเมื่อทราบว่า Boussac ยักษ์ใหญ่ด้านสิ่งทอของฝรั่งเศสกำลังประสบปัญหาทางการหนักถึงขั้นล้มละลาย จึงนำเงิน 15 ล้านดอลลาร์ หรือราว 500 ล้านบาทในช่วงเวลานั้นซื้อหุ้นของ Boussac ต่อ

 

แต่ความตั้งใจจริงๆ แล้วเขาต้องการแค่แบรนด์ใหญ่อย่าง Christian Dior และห้างสรรพสินค้า Le Bon Marché เท่านั้น 

 

เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์

 

จาก Dior สู่อาณาจักรลักชัวรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

การลงทุนครั้งนี้มีเหตุผลอยู่ 2 อย่างคือ อย่างแรก Christian Dior คือน้ำหอมที่แม่ของเขาชอบ และอีกข้อคือนี่เป็นแบรนด์ตัวแทนของฝรั่งเศสที่โลกรู้จักโดยไม่จำเป็นต้องแนะนำตัว

 

จากจุดเริ่มต้นนั้นอาร์โนลต์ค่อยๆ ขยายอาณาจักรของตัวเองไปเรื่อยๆ โดยก้าวสำคัญคือการครอบครองแบรนด์ระดับตำนานอย่าง Louis Vuitton ในช่วงปี 1990 (ด้วยวิธีการที่หลายคนมองว่าอำมหิตในการวางแผนเพื่อครอบครองแบรนด์) รวมถึงแบรนด์แชมเปญอันดับหนึ่งอย่าง Moët Hennessy ซึ่งมีการควบรวมกันทั้งหมดในเวลาต่อมากลายเป็น LVMH 

 

อาณาจักรนี้ปัจจุบันมีแบรนด์รวมแบรนด์ลูกแล้วทั้งหมดกว่า 75 แบรนด์ ซึ่งรวมถึง Tiffany & Co., Fendi, Givenchy, Marc Jacobs, Stella McCartney, Loewe, Kenzo, Celine, TAG Heuer, Bulgari หรือแม้แต่ Sephora 

 

มูลค่าการตลาดของ LVMH ปัจจุบันอยู่ที่ 3.9 แสนล้านดอลลาร์ หรือกว่า 13 ล้านล้านบาท โดยยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2022 สูงถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์หรือกว่า 2 ล้านล้านบาท เรียกได้ว่าผ่านโควิดมาได้แบบสวยงามแม้ว่าจะมีปัญหายอดขายตกบ้างในช่วงแรกก็ตาม

 

“ผมมองตัวเองเป็นเหมือนทูตทางมรดกและวัฒนธรรมของฝรั่งเศส” อาร์โนลต์ให้สัมภาษณ์กับ Forbes เอาไว้เมื่อปี 2010 “สิ่งที่เราสร้างคือสัญลักษณ์”

 

เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์

 

แรงบันดาลใจจาก ‘บัฟเฟตต์-จ็อบส์’

ตามประสาชายชาวฝรั่งเศสที่เติบโตทันยุคของการทำงานอย่างละเอียดลออ เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ก็เป็นคนหนึ่งที่ใส่ใจการทำงานมาก

 

ว่ากันว่าในแต่ละวันเขามักจะเดินทางไปตรวจสอบตามร้านค้าทั้งที่อยู่ในเครือของ LVMH และสอดส่องร้านค้าของคู่แข่งด้วยตัวเอง ในแต่ละวันอาจจะมากถึง 25 แห่งเลยทีเดียว ก็เพื่อจะได้รู้รอบอยู่เสมอว่าตอนนี้สถานการณ์ในตลาดเป็นอย่างไร

 

และนอกเหนือจากวิสัยทัศน์ส่วนตัวที่สามารถเลือกลงทุนกับแบรนด์ต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเรื่องนี้มาจากครูคนแรกที่มอบแรงบันดาลใจให้แก่เขา

 

คนคนนั้นคือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่เขาเคยให้สัมภาษณ์กับ Forbes ว่า “เป็นคนที่ผมชื่นชมที่สุดในแวดวงธุรกิจ” ซึ่งเป็นครูทางอ้อมที่สอนศาสตร์กลยุทธ์ด้านการลงทุนในแบบ ‘Buy-and-hold’ ที่เน้นการลงทุนในระยะยาวโดยอาศัยความใส่ใจ และด้วยวิธีนี้ทำให้เขาสามารถครอบครองแบรนด์อย่าง Bulgari มาได้ด้วยความอดทน

 

อีกคนที่อาร์โนลต์ชื่นชอบกลับเป็นคนที่ดูแตกต่างกันสุดขั้วอย่าง สตีฟ จ็อบส์ อดีตซีอีโอ Apple ผู้ล่วงลับ ที่เปลี่ยนแปลงโลกด้วยวิสัยทัศน์และนวัตกรรมจากบริษัทของเขา

 

สิ่งที่อาร์โนลต์เรียนรู้จากจ็อบส์นั้นเขาเปิดเผยในบทสัมภาษณ์ว่า “ความสำเร็จของ สตีฟ จ็อบส์ มาจากการผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์ และการสัมผัสได้ถึงวิธีการจัดการเพื่อการเติบโต” ซึ่งเขานำมาใช้ในการบริหารงานกับ LVMH เพราะเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนเอาความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้ให้กลายเป็นความจริงในทางธุรกิจทั่วโลกให้ได้

 

“เพื่อจะทำให้ได้เช่นนั้น คุณต้องเชื่อมโยงเข้ากับทั้งบรรดานักลงทุนและดีไซเนอร์ไปพร้อมกัน แต่จำเป็นที่จะต้องทำให้ไอเดียของพวกเขามีชีวิตชีวาและจับต้องได้ด้วย”

 

เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์

 

นั่นทำให้อาร์โนลต์ ผู้เข้าใจวงการแฟชั่นดี และรู้ว่าเขาต้องปล่อยให้งานออกแบบเป็นหน้าที่ของดีไซเนอร์ที่สามารถสร้างสรรค์งานตามจินตนาการของตัวเอง แค่ต้องควบคุมคุณภาพการผลิตให้สูงที่สุด และวางจำหน่ายสินค้าอย่างระแวดระวังเพื่อรักษาคุณค่าของแบรนด์เท่านั้น

 

ดังนั้นแม้ตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกของเขาส่วนหนึ่งจะได้มาเพราะความตกต่ำอย่างไม่ทันคาดคิดของอีลอน มัสก์

 

แต่อีกส่วนมันมาจากการทำงานอย่างหนัก ใส่ใจ และวิสัยทัศน์ที่สามารถทำให้สินค้าแบรนด์เนมสุดหรูหรากลายเป็น ‘ของต้องมี’ สำหรับผู้คนมากมาย ที่ต่อให้ในวันนี้อาจจะยังไม่มีในครอบครอง วันหน้าก็จะพยายามหามาครอบครองให้ได้อยู่ดี

 

เพราะแบรนด์เหล่านี้ไม่ใช่แค่สินค้า แต่คือเรื่องราว

 

และตราบใดที่เรื่องเหล่านี้ยังถูกเล่าขาน ความมั่งคั่งของ เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ และอาณาจักร LVMH ของเขาก็จะยิ่งเพิ่มพูนต่อไปเรื่อยๆ อย่างมั่นคง

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising