BELLE เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง ภาพยนตร์อนิเมะเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ มาโมรุ โฮโซดะ และสตูดิโอระดับแถวหน้า Studio Chizu เจ้าของผลงานอย่าง Mirai (2018) ที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม ไม่เพียงเท่านั้น BELLE ยังได้รับเลือกให้เข้าฉายรอบ World Premiere ภายในงาน Cannes Film Festival อีกด้วย
ภาพยนตร์จะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวของ สึสึ เด็กสาวมัธยมปลายที่อาศัยอยู่ในเมืองชนบทกับพ่อเพียงสองคน หลังจากที่ต้องสูญเสียแม่ไปในวัยเด็ก และด้วยความที่ความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไรนัก เธอจึงมักจะหวนคิดถึงช่วงเวลาที่ได้ร้องเพลงกับแม่อยู่เสมอ
กระทั่งวันหนึ่ง สึสึได้ถูกเพื่อนสนิทชักชวนให้มาลองใช้โลกเสมือนจริงที่ชื่อว่า U สถานที่ที่ทุกคนต่างสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาแล้วเข้าไปใช้ชีวิตเพื่อหลีกหนีจากโลกความเป็นจริง เธอจึงตัดสินใจสร้างตัวตนใหม่โดยใช้ชื่อว่า เบลล์ เพื่อที่เธอจะสามารถขับร้องบทเพลงที่ตนเองแต่งขึ้นมาได้โดยที่ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน จนทำให้เธอกลายเป็นนักร้องที่ผู้คนต่างชื่นชมอย่างล้นหลาม แต่ในขณะที่ชื่อเสียงของเธอกำลังโด่งดังแบบฉุดไม่อยู่ จู่ๆ ก็มีบุคคลปริศนาที่มีรูปร่างคล้ายมังกรปรากฏตัวขึ้น จนทำให้โลกเสมือนจริงชุลมุนวุ่นวาย เธอจึงต้องออกตามหาว่าตัวจริงของมังกรตัวนี้คือใครกันแน่
จุดเด่นข้อหนึ่งของ BELLE ที่เราชื่นชอบตั้งแต่ได้ชมตัวอย่าง คือการที่ผู้กำกับและทีมสร้างเลือกที่จะสร้างสรรค์โลกความเป็นจริงและโลกเสมือนจริงหรือ U ให้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยในพาร์ตของโลกความจริงจะถูกบอกเล่าผ่านงานภาพแอนิเมชัน 2D ขณะที่โลกเสมือนจริงจะถูกถ่ายทอดผ่านงานภาพแอนิเมชัน 3D
ซึ่งตัวผู้เขียนคิดว่าการนำเสนอโลกทั้งสองใบให้แตกต่างกันอย่างชัดเจนแบบนี้ ค่อนข้างส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ชมมากพอสมควร ทั้งในพาร์ตของโลกความจริงที่ฉายภาพให้เราเห็นถึงบรรยากาศของเมืองโคจิที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขาและแม่น้ำอันเงียบสงบ หรือบรรรยากาศในโรงเรียนที่ผู้ชมต่างคุ้นหูคุ้นตาเป็นอย่างดี ขณะที่โลกของ U จะพาผู้ชมเข้าสู่โลกสุดไฮเทคเหนือจินตนาการ รวมถึงการออกแบบคาแรกเตอร์อวตารต่างๆ ที่โดดเด่นสะดุดตา ความแตกต่างเหล่านี้จึงส่งให้เรารู้สึกเหมือนกำลังหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของ U พร้อมกับตัวละครภายในเรื่อง
อีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ของ BELLE ที่เราชื่นชอบมากๆ คือพาร์ตมิวสิคัลของภาพยนตร์ที่ตัวผู้กำกับได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Beauty and the Beast (1991) ภาพยนตร์แอนิเมชันจากดิสนีย์ ซึ่งทางทีมสร้างก็สามารถสร้างสรรค์ฉากการร้องเพลงของเบลล์ออกมาได้อย่างงดงาม พร้อมทั้งเพลงประกอบภาพยนตร์อันไพเราะ เช่น U จากวง millennium parade หรือ A Million Miles Away ที่ขับร้องโดย คาโฮะ นากามูระ ก็เข้ามาเสริมให้ตัวภาพยนตร์พิเศษมากขึ้นกว่าเดิม ไม่เพียงเท่านั้น ทางทีมสร้างยังมีการใส่ Easter Egg เล็กๆ น้อยๆ ให้เราได้หวนคิดถึงภาพยนตร์เรื่อง Beauty and the Beast อีกด้วย
นอกจากนี้ การสร้างสรรค์โลกเสมือนจริงของ U ที่ค่อนข้างคล้ายกับโลก Metaverse ที่กำลังจะมาถึง ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเหมือนกำลังจำลองให้เราเห็นภาพคร่าวๆ ว่า ถ้าวันที่เราทุกคนสามารถเชื่อมโยงกันผ่านโลก Metaverse ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว บรรยากาศของการชมคอนเสิร์ตหรือละครเวทีบนโลก Metaverse จะสามารถสร้างสรรค์ออกมาในรูปแบบไหนได้บ้าง
อีกด้านหนึ่ง BELLE อาจจะมีจุดด้อยเล็กๆ ที่เราค่อนข้างไม่ชอบเป็นการส่วนตัว คือเนื้อหาหลักๆ ของภาพยนตร์ที่ไม่สามารถชวนให้เรารู้สึกอยากติดตามหรืออยากเอาใจช่วยตัวละครหลักได้เท่าที่ควร รวมถึงประเด็นหลายๆ อย่างของเรื่องที่เราคิดว่าค่อนข้างน่าสนใจ แต่ภาพยนตร์กลับไม่ได้หยิบประเด็นเหล่านั้นมานำเสนอให้ชัดเจนเท่าที่ควร เช่น เรื่องราวของ ชิโนบุ ชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนสมัยเด็กของสึสึที่ไม่ได้ถูกขยายความให้เราได้รู้จักเขามากนัก
ในภาพรวมแล้ว BELLE เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานคุณภาพคับแก้วของผู้กำกับ มาโมรุ โฮโซดะ และ Studio Chizu ที่สร้างสรรค์งานภาพออกมาได้อย่างงดงามไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นแอนิเมชัน 2D และ 3D อีกทั้งยังมาพร้อมกับบทเพลงเพราะๆ เนื้อหากินใจ ที่เราต้องเสิร์ชหาชื่อเพลงต่อในทันทีหลังจากชมภาพยนตร์จบ
BELLE เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 20 มกราคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่
