×

ธปท. ย้ำ โจทย์หลักเศรษฐกิจไทยต้อง Smooth Takeoff ส่งสัญญาณชัด ขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป

11.07.2022
  • LOADING...
เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ

ผู้ว่าแบงก์ชาติส่งสัญญาณดอกเบี้ยไทยขยับแบบค่อยเป็นค่อยไปตามบริบทเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ลั่นพร้อมต่ออายุมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางหากมีความจำเป็น มองบาทอ่อนตามกลไกตลาด ไม่พบเงินทุนเคลื่อนย้ายผิดปกติ

 

เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนา ‘ก้าวใหม่เศรษฐกิจการเงินภาคใต้… ปรับกระบวนทัพ รับกระแสโลก’ โดยระบุถึงแนวทางการปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติของไทยว่าจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากบริบทเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีความแตกต่างจากในสหรัฐฯ และยุโรป ที่เศรษฐกิจฟื้นตัวรุนแรง ทำให้โจทย์ของธนาคารกลางในประเทศเหล่านั้นคือ การเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว

 

“โจทย์ของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วคือ ทำให้เศรษฐกิจ Soft Landing แต่โจทย์ของไทยคือ Smooth Takeoff เราต้องหาจุดสมดุลระหว่างการปรับนโยบายเพื่อดูแลเงินเฟ้อและดูแลกลุ่มเปราะบาง ดังนั้นกระบวนการปรับนโยบายของเราจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และต้องทำอย่างยืดหยุ่น เหมาะสม” เศรษฐพุฒิระบุ

 

ผู้ว่า ธปท. ย้ำว่า การปรับดอกเบี้ยของไทยจะต้องไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป เพราะถ้าเร็วเกินไปก็จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ขณะเดียวกันหากขึ้นช้าเกินไปก็จะส่งผลกระทบต่อคาดการณ์เงินเฟ้อ ตลาดอาจมองว่า ธปท. ไม่มีความมุ่งมั่น หรือ Commitment ในการดูแลเงินเฟ้อ ทำให้เงินเฟ้อวิ่งสูงขึ้นอีก

 

ขณะเดียวกันการปรับนโยบายก็จะต้องทำอย่างยืดหยุ่นและเหมาะสม โดยนโยบายให้ความช่วยเหลือทางการเงินของ ธปท. ที่ออกมาก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นแบบกว้างและปูพรม เช่น การยืดหนี้ การลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) และการห้ามธนาคารพาณิชย์ปันผล ได้ทยอยถูกถอดออกไปแล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของเศรษฐกิจในปัจจุบัน

 

อย่างไรก็ดี ในส่วนของนโยบายให้ความช่วยเหลือที่ ธปท. มองว่ายังมีความจำเป็นต่อกลุ่มเปราะบาง เช่น มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู พักทรัพย์พักหนี้ และมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว รวมถึงโครงการคลินิกแก้หนี้ มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ต่างๆ จะยังคงเก็บไว้

 

“มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูและพักทรัพย์พักหนี้จะมีอยู่ถึงเดือนเมษายนปีหน้าเป็นอย่างน้อย เมื่อถึงตอนนั้นถ้าเรามองว่า SMEs หรือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวยังฟื้นตัวได้ไม่ดีพอ หากจำเป็นต้องต่อมาตรการเราก็จะต่อ ผมย้ำกับทีมตลอดว่าเราต้องมีของเป็นเหมือนตาข่ายรองรับคนแต่ละกลุ่มที่มีปัญหา เราประเมินว่าด้วยเครื่องมือและช่องทางต่างๆ ที่เรามีอยู่ในขณะนี้เพียงพอจะช่วยกลุ่มเปราะบางได้ แต่เราต้องบริหารจัดการและนำมาใช้ให้เต็มที่” ผู้ว่า ธปท. กล่าว

 

นอกจากนี้เศรษฐพุฒิยังกล่าวถึงสถานการณ์เงินบาทที่อ่อนค่าสูงสุดในรอบ 6 ปีว่า ปัจจัยหลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้เงินบาทอ่อนค่ามาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี หากเทียบกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค เงินบาทยังอ่อนค่าอยู่ในระดับกลางๆ และเคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาดปกติ

 

“ภาพรวมเงินบาทไม่ได้อ่อนค่าผิดเพี้ยนไปจากชาวบ้าน เราไม่เห็นเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ผิดปกติ ทุกอย่างยังเป็นไปตามกลไกตลาด เมื่อดอลลาร์แข็งบาทก็อ่อน แต่ในระยะข้างหน้าก็มีความเป็นไปได้ที่ดอลลาร์อาจกลับมาอ่อนค่า หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลง ความเสี่ยงที่ค่าเงินจะสวิงก็ยังมี จึงอยากแนะนำภาคธุรกิจเรื่องการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้ด้วย” ผู้ว่า ธปท. กล่าว

 

เศรษฐพุฒิกล่าวอีกว่า ปัจจุบันสัดส่วนของผู้ประกอบการไทยที่มีการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็ก ซึ่งขณะนี้ ธปท. อยู่ระหว่างการปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อช่วยให้การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทำได้ง่ายขึ้นและถูกลง

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising