×

ธปท. ลุ้น ปลายปีนี้บริการเปิดบัญชีดิจิทัลข้ามแบงก์ผ่าน NDID เต็มรูปแบบ

โดย efinanceThai
07.02.2020
  • LOADING...

ธปท. คาด ปลายปีนี้ให้ธนาคารพาณิชย์เปิดบริการยืนยันตัวตนข้ามธนาคารผ่าน NDID ได้อย่างเป็นทางการ หลังเริ่มทดลองแล้ว 6 ธนาคาร และจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มอีก 7 ราย พร้อมเปิดทางประกัน-กองทุนเข้าทดสอบเฟสถัดไป

 

สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าธนาคารแห่งประเทศไทยได้เปิดให้ธนาคารพาณิชย์เริ่มทดสอบการให้บริการเปิดบัญชีเงินฝากผ่านช่องทางดิจิทัล โดยใช้การพิสูจน์และยืนยันตัวตนข้ามธนาคารผ่านแพลตฟอร์ม National Digital ID หรือ NDID โดยจะทำในวงจำกัดภายใต้ Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563

  

บริการดังกล่าวจะช่วยให้ประชาชนสามารถเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารแห่งใหม่ได้ผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น ผ่านโมบายล์แอปพลิเคชัน โดยใช้การพิสูจน์และยืนยันตัวตนจากธนาคารที่ตนเองเคยมีบัญชีเงินฝากด้วยเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า (Facial Recognition) ที่น่าเชื่อถือ ทำให้ประชาชนได้รับความปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางมาแสดงตนที่สาขา และลดการกรอกข้อมูลซ้ำซ้อน ซึ่งการเปิดบัญชีดังกล่าวสามารถทำได้เพียง 20 นาที จากเดิมที่ต้องเดินทางไปสาขาธนาคาร และต้องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ไม่รวมเวลาการเดินทางและเอกสารที่ต้องจัดเตรียม

  

ในระยะแรกของการทดสอบใน Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับบริการเปิดบัญชีเงินฝากผ่านช่องทางดิจิทัลโดยการพิสูจน์และยืนยันตัวตนผ่านแพลตฟอร์ม NDID มีธนาคารพาณิชย์ที่ให้บริการจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT, ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB

  

และในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB พร้อมเข้าทดสอบ นอกจากนี้จะขยายไปสู่ผู้ให้บริการนอกภาคธนาคารและบริการอื่นๆ เช่น กองทุนรวม หลักทรัพย์ ประกันภัย ประกันชีวิต โดยปัจจุบันมีธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงินรวมกันอยู่ที่ 13 ราย ซึ่งในเฟสแรกที่เริ่มใช้มี 7 ราย และในระยะถัดไปจะมีอีก 6 ราย

  

“เราหวังว่าธนาคารจะเปิดให้บริการยืนยันตัวตนอย่างเป็นทางการได้ภายในปลายปีนี้ ซึ่งเราขอประเมินเฟสแรกก่อน เช่น เสถียรภาพระบบ การรักษาข้อมูลของลูกค้า การดูแลลูกค้า โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า ซึ่งถ้าหากทุกอย่างราบรื่นก็จะขยายในเฟสอื่นๆ เช่น ประกัน หรือกองทุนต่อไป โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 นี้” สิริธิดากล่าว

  

สำหรับการพิสูจน์และยืนยันตัวตน (e-KYC) นั้นจะสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินมากขึ้น โดยเฉพาะการผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งที่ผ่านมาเห็นการเติบโตช่องทางดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันธุรกรรมผ่านระบบพร้อมเพย์ต่อวันสูงถึง 12 ล้านรายการ จากในอดีตอยู่ที่ 5-6 ล้านรายการต่อวัน และมีผู้ใช้ลงทะเบียนพร้อมเพย์สูงถึง 50 ล้านราย ซึ่งลงทะเบียนผ่าน ID มากกว่าโทรศัพท์มือถือ

 

รายงาน: กรณัช พลอยสวาท 

เรียบเรียง: จารุวรรณ เอี่ยมยิ่งพานิช 

ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinance.com 

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising