รายงานข่าวระบุว่า บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP เตรียมประกาศปิดดีลเทกโอเวอร์กิจการ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO โดยจะนำวาระเสนอต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาอนุมัติในการประชุมวันที่ 9 มกราคม 2566 ที่ราคา 12-14 บาท มูลค่ารวม 4-5 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวระดับสูง บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ขอไม่แสดงความเห็นใดๆ กับกระแสข่าวที่บริษัทจะเข้าซื้อกิจการของ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย)
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงในธุรกิจโรงกลั่น ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ว่า กรณีกระแสข่าวที่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น จะเข้าซื้อกิจการของ บมจ.เอสโซ่ มองว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงในธุรกิจโรงกลั่นของ BCP เพราะปัจจุบันเป็นธุรกิจโรงกลั่นรายเดียวที่มีที่ตั้งของของโรงกลั่นอยู่ในเขตเมืองหรือในเขตพื้นกรุงเทพฯ
ดังนั้น หากเกิดอุบัติเหตุอะไรที่คาดไม่ถึงจะมีความเสี่ยง ทำให้สามารถบริหารจัดการได้ค่อนข้างยากกว่าเมื่อเปรียบกับโรงกลั่นแหล่งอื่นๆ ของประเทศไทยที่ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับในการทำธุรกิจที่มากกว่า
นอกจากนี้ยังเป็นการต่อยอดในธุรกิจน้ำมันอากาศยาน (Jet Fuel) ที่ บมจ.บางจาก ต้องการเน้นขยายธุรกิจนี้ที่มีมากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มราคาน้ำมันที่สามารถกลั่นออกมาขายได้ในราคาที่ดี อีกทั้งในปีนี้ BCP ยังขยายธุรกิจเข้าไปในเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel (SAF) โดยร่วมกับพาร์ตเนอร์คือ บริษัท ธนโชคออยล์ ไลท์ จำกัด และ บมจ.บีบีจีไอ หรือ BBGI โดยตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมาใหม่คือ บริษัท บีเอสจีเอฟ (BSGF) เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิง SAF จากน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหาร (Used Cooking Oil) โดยใช้งบลงทุน 8,000-10,000 ล้านบาท
ขณะที่การซื้อหุ้น บมจ.เอสโซ่ จะเป็นการต่อยอดในธุรกิจ Jet Fuel จะส่งผลให้ BCP กลายเป็นผู้ถือหุ้นทางอ้อมใน บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ หรือ BAFS ซึ่ง ESSO เป็นผู้ถือหุ้นใน BAFS สัดส่วน 7.06% ซึ่ง BAFS เป็นผู้ประกอบการรายเดียวที่ผูกขาดให้บริการระบบจัดเก็บ และเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานในสนามบินของประเทศไทย ดังนั้นเป็นโอกาสสำคัญที่จะขยายตลาดในธุรกิจ Jet Fuel
โบรกมองบวก BCP เทกโอเวอร์ ESSO ช่วย Synergy ธุรกิจการตลาด
ฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย ระบุว่า สอบถามไปยัง BCP เกี่ยวกับข่าวดังกล่าว โดยผู้บริหาร BCP ยังปฏิเสธในประเด็นข่าวนี้ แต่หากเป็นจริง มีมุมมองเชิงบวกต่อการซื้อกิจการในครั้งนี้ (ยังไม่พิจารณาเรื่องราคาซื้อ) ด้วยเหตุผลดังนี้
- มี Potential Synergy ชัดเจน เช่น Technology โรงกลั่นที่ไม่เหมือนกันช่วยเกื้อกูลกันได้ ระบบรับน้ำมันดิบของ ESSO ช่วยให้ BCP ลดต้นทุนเช่าใช้คลังน้ำมันดิบได้ นอกจากนี้ยังมี Synergy เกี่ยวกับธุรกิจการตลาด
- เพิ่มการประหยัดต่อขนาด และเพิ่มโอกาสให้ BCP สามารถขยายธุรกิจโรงกลั่นได้เพิ่มเติม (โรงกลั่น ESSO มีคอขวดค่อนข้างมาก)
- ช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจโรงกลั่น BCP ที่มีที่ตั้งใน กทม.
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาประเด็นราคา มองว่าระดับราคาที่ปรากฏในข่าวอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แต่ค่อนไปทางสูงเล็กน้อย เพราะ 12-14 บาทเทียบเท่าการซื้อขายที่ PBV 1.25-1.46x และ EV/EBITDA ที่ 3.1-3.7x ในขณะที่ BCP ซื้อขายที่ระดับเพียง 0.73x Adjusted PBV และ 3.3x EV/EBITDA
นอกจากนี้ ดีลซื้อขายโรงกลั่นล่าสุดในประเทศบราซิลเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ถูกซื้อขายกันที่ 750-800 ล้านดอลลาร์ หากปรับขนาดโรงกลั่นให้ใกล้เคียงกับ ESSO (ยังไม่รวมธุรกิจการตลาดและอะโรเมติกส์)
สำหรับในแง่แหล่งเงินเพื่อซื้อกิจการ แม้ BCP มีเงินสดในมือ 3.3 หมื่นล้านบาท และมีหนี้สินต่อทุนที่ 1.3 เท่า เรามองว่าค่อนข้างตึงหากจะต้องซื้อหุ้น ESSO ที่ระดับ 12-14 บาท เพราะเงินสด 80% ของ BCP เป็นของบริษัทลูก เช่น BCPG ที่เกิดจากการขาย Geothermal และเตรียมไว้ซื้อกิจการไฟฟ้าเพื่อลดผลกระทบของ Adder ของ Solar Farm ในไทยที่จะหมดลง
ดังนั้น เชื่อว่าจะต้องมีการจัดโครงสร้างการเงินหรือธุรกิจเพื่อการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ หรือระดับราคาที่เข้าซื้อนี้จะต้องเป็น Basis Zero Debt-Zero Cash ทั้งนี้ ESSO มีหนี้เงินกู้รวมประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3/65
และเชื่อว่าราคาหุ้น ESSO จะขึ้นไปชนกรอบบนของระดับราคาดังกล่าว จึงแนะนำให้นักลงทุนที่มีหุ้น ESSO อยู่ ‘ถือรอกำไร’ ที่ระดับราคา 14 บาท ในทางกลับกัน เราแนะนำให้ ‘ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว’ สำหรับ BCP หากมีความเชื่อว่าราคาซื้อ ESSO ต่ำกว่าระดับในเนื้อข่าว หรือมี Structure การ Finance Deal โดยไม่ทำให้เกิดการเพิ่มทุน
ทั้งนี้ หากคาดการณ์ราคาหุ้น ESSO ที่จะเข้าซื้อในช่วง 12-14 บาทต่อหุ้น หากเข้าซื้อจาก EXXONMOBIL ASIA HOLDINGS PTE.LTD. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 65.99% จะทำให้ BCP ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือ (Tender Offer) คาดว่าจะใช้เงินราว 4-5 หมื่นล้านบาท
จึงให้ราคาเป้าหมายปัจจุบัน BCP อยู่ที่ 35.40 บาท ในขณะที่ ESSO อยู่ที่ 12.5 บาท
ทั้งนี้ โดยจะส่งผลให้ BCP จะมีกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้น 2.50 แสนบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.20 แสนบาร์เรลต่อวัน ส่วนจำนวนสถานีบริการน้ำมันจะเพิ่มเป็น 2,140 แห่ง จากปัจจุบันที่มีประมาณ 1,300 สถานี
บทความที่เกี่ยวข้อง
- “นี่เป็นราคาที่เราพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าวหลัง Jaymart ควักเงิน 1.2 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น 30%
- ADVANC ทุ่ม 32,420 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ 3BB จาก JAS
- กางแผน ‘โอ้กะจู๋’ หลังมี OR เป็นแบ็กอัป เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 60 แห่ง ขายผักสดและบุก CLMV ก่อน IPO ในปี 2567