×

เอเซีย พลัส คาดไตรมาส 3/63 ธุรกิจแบงก์กำไรร่วง 34% อสังหาริมทรัพย์ยังเหนื่อย

08.10.2020
  • LOADING...
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2563 ยังมีความเสี่ยงหลายด้าน โดย ASPS คาดว่าปีนี้ GDP จะติดลบ 8.4% ในส่วนของตลาดหุ้น แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นจะดูนิ่ง แต่ยังมีปัจจัยกดดันถึง 5 ปัจจัย ได้แก่ โควิด-19, การเมืองไทย, การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา, หุ้นใหม่ SCGP, ปรับกฎ Ceiling-Floor ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

 

ทั้งนี้สถานการณ์โควิด-19 ยังไม่มีแนวทางการควบคุมที่ชัดเจน ส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ปัจจัยทางการเมืองหากยังมีความร้อนแรงอาจเกิดสถานการณ์เงินทุนไหลออก ส่งผลให้ดัชนีหุ้นในภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นยาก โดยมองว่า SET Index ในภาพทางเทคนิคยังอยู่ระหว่างการปรับฐาน

 

ตลาดหุ้นยังมีปัจจัยหนุน Liquidity ที่ล้นระบบ (เงินฝากสูงกว่า Market Cap ตลาดฯ) และรอจ่อเข้าตลาดหุ้น อาจชะลอไปอีกสักระยะ หากปัจจัยกดดัน 5 ปัจจัยดังกล่าว เริ่มมีความผ่อนคลายลงเชื่อว่า Flow จะไหลเข้าตลาดหุ้น

 

“ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่า ในยามสภาพแวดล้อมที่ยังไม่กลับมาสู่ภาวะปกติ หลังจากมีหลายประเทศกลับมาล็อกดาวน์เมือง ถือว่ายังสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ความผันผวนของตลาดกลับมาใหม่ โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยตรง” เทิดศักดิ์กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนธุรกิจพลังงาน ทาง ASPS คาดว่าช่วงที่เหลือของปีราคาน้ำมันดิบอ้างอิงดูไบเฉลี่ยจะผันผวนในกรอบ 40-45 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพราะยังเจอปัจจัยกดดันจากโควิด-19 ขณะที่ภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยความคาดหวังอยู่ที่ไตรมาส 4/63 ซึ่งเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวที่มีการทยอยสะสมสต๊อกเพื่อเป็นเชื้อเพลิงในฤดูหนาว ส่วนกลุ่มปิโตรเคมียังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

 

ส่วนธุรกิจธนาคาร คาดการณ์ผลกำไรของธนาคารในไตรมาส 3/63 อยู่ที่ 102,074 ล้านบาท ลดลง 34.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ภาพทั้งปี 2563 คาดว่ากำไรธุรกิจธนาคารในภาพรวมจะติดลบ 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยังเห็นภาพ NPL หรือหนี้เสียเป็นขาขึ้น ในช่วงไตรมาส 2/63 NPL ratio อยู่ที่ 3.43% 

 

ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่าภาพรวมจะปรับตัวดีขึ้นเพราะสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มผ่อนคลาย ทำให้คาดการณ์ว่าการเปิดโครงการใหม่ครั้งปีหลังจะมีอยู่ราว 112 โครงการ (มูลค่า 1.28 แสนล้านบาท) ส่วนใหญ่ 70% เป็นโครงการแนวราย 94 โครงการ และมาจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีพอร์ตแนวราบ เช่น LH, AP, SPALI, SC

 

แต่เมื่อมองภาพรวมการเปิดโครงการใหม่ของปี 2563 คาดว่าจะลดลง 33% จากปี 2562 และยังเห็นแนวโน้มยอด Presale ปี 2563 ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 240,000 ล้านบาท ถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี ขณะที่กำไรของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปี 2563 คาดว่าจะอยู่ที่ 26,900 ล้านบาท จะลดลง 24% จากช่วยเดียวกันของปีก่อน

 

อย่างไรก็ตาม ASPS คาดว่าปี 2563 กำไรบริษัทจดทะเบียนจะอยู่ที่ 6.13 แสนล้านบาท หรือ 56.65 บาทต่อหุ้น หลังจากครึ่งปีแรก 2563 กำไรที่ออกมารวมกัน 1.9 แสนล้านบาท และประเมินว่ากำไรไตรมาส 3-4 ปี 2563 เฉลี่ย 2 แสนล้านบาทต่อไตรมาส ส่วนปี 2564 คาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนจะอยู่ที่ 7.85 แสนล้านบาท หรือ 72.51 บาทต่อหุ้น ขยายตัว 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 

 

ขณะที่ดัชนีเป้าหมายของ SET Index ต้องมองข้ามไปถึงปี 2564 สายงานวิจัยประเมินไว้ที่ 1,450 จุด ถือเป็นจังหวะในการสะสมหุ้นพื้นฐานดี ราคาถูก ยามตลาดปรับฐานลงมา

 

ภาดร สุขสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การลงทุนและผลิตภัณฑ์ บล.เอเซีย พลัส ให้มุมมองเพิ่มเติมถึงกลยุทธ์การจัดพอร์ตการลงทุนปี 2563 นี้เป็นปีที่ท้าทายของตลาดหุ้นไทย การหาโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม New Economy เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและสินค้าบริโภค จะช่วยให้กระจายน้ำหนักการลงทุนออกจากหุ้นไทย ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่กลุ่มพลังงานและธนาคาร และจะช่วยให้พอร์ตการลงทุนมีการกระจายตัวได้ดีขึ้น และรองรับเทรนด์การลงทุนใหม่ๆ ที่จะมาในอนาคตได้ดีกว่าเดิม

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising