พลพงศ์ วังแพน อธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภาพรวมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนปี 2025 ที่จะจัดขึ้น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคม
โดยหนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการเดินทางมาร่วมงานของผู้นำโลกหลายคน เช่น โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่จะมาร่วมเป็นพยานการลงนามข้อตกลงสันติภาพ ไทย-กัมพูชา หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ “คำประกาศระหว่างไทยและกัมพูชา กำหนดแนวทางที่จะนำไปสู่สันติภาพ”
นอกจากนี้ ยังมีหลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน, แอนโทนี แอลบานีส นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย, คริสโตเฟอร์ ลักซัน นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์, อีแจมยอง ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ และซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น ที่จะมาร่วมการประชุมด้วย ซึ่งนับเป็นโอกาสที่อาเซียนจะได้แสดงพลังและแนวทางความร่วมมือที่สร้างสรรค์กับประเทศที่เป็นภาคีภายนอกของอาเซียน
สำหรับไทย อธิบดีกรมอาเซียนกล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญทั้งในเรื่องของการเกื้อหนุนสันติภาพและเสถียรภาพ สนับสนุนการรวมตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาค รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อมุ่งไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนการเปลี่ยนผ่านพลังงานเพื่อไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
ขณะที่ไทยยังให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะเรื่องของสแกมออนไลน์หรืออาชญากรรมทางไซเบอร์อื่นๆ ซึ่งไทยจะเพิ่มความร่วมมือในเรื่องนี้ ทั้งผ่านกลไกต่างๆ ที่อาเซียนมี เช่น กรอบการประชุมรัฐมนตรีด้านดิจิทัล หรือการจัดตั้งคณะทำงานว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์
สำหรับประเด็นเมียนมา ก็เป็นอีกประเด็นที่การประชุมอาเซียนรอบนี้ให้ความสำคัญ ซึ่งไทยยังต้องแสดงบทบาทนำในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด และส่งเสริมการขับเคลื่อนฉันทมติ 5 ข้อ รวมทั้งติดตามเรื่องการเลือกตั้งในเมียนมาที่จะจัดขึ้นช่วงเดือนธันวาคมนี้
ส่วนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา อธิบดีย้ำว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นทวิภาคีที่ไทยและกัมพูชา สองประเทศจะต้องร่วมกันแก้ไข แต่ไม่ปฏิเสธความปรารถนาดีจากประเทศอื่นๆ ในการเข้ามาช่วยให้เกิดพัฒนาการต่างๆ
อีกไฮไลต์สำคัญของการประชุมอาเซียนปีนี้คือ การรับสมาชิกใหม่ของอาเซียน นั่นคือ ติมอร์-เลสเต ซึ่งอธิบดีกล่าวว่า จะช่วยสร้างประชาคมที่เข้มแข็งของอาเซียนตามวิสัยทัศน์อาเซียน 2045

ภาพประกอบ: กันยกร กาญจนวิไล


