×

ผบ.ทบ. ลงใต้ครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง พบปะผู้นำศาสนา ประชุมติดตามงานด้านความมั่นคงในพื้นที่

โดย THE STANDARD TEAM
04.11.2020
  • LOADING...
ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

วันนี้ (4 พฤศจิกายน) เวลา 09.30 น. ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบปะผู้นำศาสนาในพื้นที่ หารือ พร้อมทั้งมอบกระเช้าให้กับผู้นำศาสนา จากนั้นได้เป็นประธานในการประชุมตรวจเยี่ยมติดตามผลการปฏิบัติงานของหน่วยกองกำลังในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พล.ท. เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4, พล.ต.ท. รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้, พล.ร.ต. สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัด (ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตูล) และผู้บังคับบัญชาหน่วยกองกำลัง ทหาร ตำรวจ ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม 

 

สำหรับการเดินทางลงมาในพื้นที่ พบปะหน่วยกองกำลัง ติดตามผลการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งมอบนโยบายแนวทางปฏิบัติในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประสานการปฏิบัติร่วมกับทุกภาคส่วนในการเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่ต่อไป 

 

พล.อ. ณรงค์พันธ์กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ลงมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ความตั้งใจคือมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และติดตามการปฏิบัติงาน ซึ่งที่ผ่านมา การทำงานของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง เหตุการณ์ต่างๆ ลดลงอย่างมากนับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา แนวทางการทำงานในขณะนี้ถือว่าดีอยู่แล้ว แนวทางการทำงานยังคงเจตนารมณ์ที่จะสานต่อสิ่งที่ทำมาต่อไป จะเน้นย้ำเพิ่มเติมในสิ่งที่สำคัญ ให้หน่วยดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้พื้นที่นี้กลับมาสงบร่มเย็นอีกครั้ง  

 

นอกจากนี้ ในวันนี้ยังได้มาพบปะผู้นำศาสนา ถือเป็นเรื่องที่ดียิ่ง ก็ได้ขอบคุณผู้นำศาสนาทุกจังหวัดที่ได้ให้คำแนะนำที่ดีกับเจ้าหน้าที่รัฐในการแก้ปัญหาพื้นที่ ทำให้สถานการณ์และการพัฒนาเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากการพูดคุยกัน ผู้นำศาสนา ก็ได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมในการทำงาน เพื่อช่วยให้พื้นที่มีความสงบสุข สำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากเรื่องความมั่นคงแล้ว เรื่องของการป้องกันภัยจากโรคระบาด เป็นอีกบทบาทสำคัญที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าต้องดูแล โดยเฉพาะกำลังป้องกันชายแดน ถือเป็นหน้าด่านสำคัญ ที่จะช่วยป้องกันให้ภายในบ้านนั้นปลอดภัย เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ไม่เฉพาะทหาร ทั้งตำรวจ ปกครอง และประชาชนต้องช่วยกัน อีกทั้งในพื้นที่ภาคใต้ยังมีปัญหาเรื่องภัยแทรกซ้อน ทั้งปัญหาแรงงานต่างด้าว ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ สิ่งเหล่านี้ต้องเข้มงวดให้มากขึ้น และเป็นงานหนักที่เจ้าหน้าที่ต้องดูแล กำลังใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ 

 

“วันนี้จึงตั้งใจมาดูแลทุกข์สุขของกำลังพลในพื้นที่ด้วย ก็ให้ทุกคนได้บูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วน ทั้งการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคง และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน และอยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคนว่า พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ แม้จะมีปัญหาเรื่องความมั่นคง แต่จะเห็นได้ว่า เราสามารถผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ มาได้โดยตลอด ด้วยความเป็นคนไทยที่อยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม และยึดมั่นในความเป็นคนไทย ที่มีความรักในผืนแผ่นดินไทย รักบ้านเกิดของตน ซึ่งหากทุกคนร่วมมือกันในการรักษาความสงบ ความร่มเย็นเป็นสุขก็จะตามมา ความอยู่ดีกินดีก็จะตามมา เมื่อนั้นสันติสุขก็จะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน” พล.อ. ณรงค์พันธ์กล่าว

 

ด้าน ดร.วิสุทธิ์  บิลล่าเต๊ะ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานสำนักจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารบกลงพื้นที่ และได้พบปะกับผู้นำศาสนาทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมาพูดคุยขอบคุณผู้นำศาสนา ที่ได้ให้ความร่วมมือกับราชการด้วยดีเสมอมา จนทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ในพื้นที่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งทางผู้นำศาสนาก็ขอให้กองทัพได้รักษาความสงบเช่นนี้ต่อไป ด้วยการดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ เรื่องการช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ จากผลกระทบของโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับจากมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันไม่มีงานทำ, เรื่องต่อมาคือการพัฒนาความรู้ ที่นำไปสู่ความมั่นคง ความสมานฉันท์ในสังคม โดยเฉพาะการส่งเสริมการศึกษาในพื้นที่ และเรื่องสุดท้ายคือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของพี่น้องต่างศาสนา ระหว่างไทยพุทธและไทยมุสลิม ให้เกิดความไว้เนื้อเชื้อใจ รักใคร่สมัครสมาน เข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ดังเช่นที่ผ่านมาในอดีต รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างราชการกับประชาชน ส่วนสถานการณ์ปัจจุบัน ถือว่าดีขึ้นเป็นลำดับ ด้วยเพราะใช้การเจรจาพูดคุยตามแนวทางสันติวิธี ซึ่งมาถูกทางแล้วในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising