×

ARK ร่วงหลุด ‘ท็อป 10’ ETF ขนาดใหญ่สุดของโลก ส่วนผลตอบแทนหล่นไปแล้วกว่า 5%

15.09.2021
  • LOADING...
ARK

Bloomberg Intelligence เปิดเผยข้อมูลอันดับกองทุน ETF ล่าสุด โดยวัดจากปริมาณมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุน พบว่ากองทุนดาวรุ่งในช่วงปีที่ผ่านมาอย่าง ARK Investment Management ของ แคธี วูด ราชินีแห่งการลงทุน ดูจะสูญเสียความนิยมบ้างแล้ว เพราะร่วงจาก 10 อันดับกองทุน ETF ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

รายงานระบุว่า ขณะนี้ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุน ETF ของ ARK ที่มีอยู่ราว 42,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้อันดับกองทุนของวูดหล่นลงมาอยู่ในอันดับที่ 11 ท่ามกลางคู่แข่งในตลาดที่มีมากขึ้น อย่าง WisdomTree ที่ขยับขึ้นมาแทนที่ ARK หรือ Dimensional Fund Advisors บริษัทหน้าใหม่ที่กำลังเติบโตไล่บี้ ARK มาติดๆ

 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ขนาดกองทุนของ ARK ลดลงมาจากปัจจัยความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่นักลงทุนเกรงว่าจะส่งผลต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวไม่เป็นผลดีต่อการเติบโตของกองทุน ETF ของวูดในระยะยาว

 

เดฟ นาดิก หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ ETF Trends บริษัทผู้ให้บริการข้อมูลกล่าวว่า สถานการณ์ของตลาดในปี 2021 นี้ แตกต่างจากปี 2020 อย่างสิ้นเชิง โดยปัจจัยที่หนุนการลงทุนของนักลงทุนอย่างอัตราดอกเบี้ยถูกมาถึงเวลาสิ้นสุดแล้ว ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ตัดสินใจชะลอการลงทุนในหุ้นและกองทุน เพื่อลดความเสี่ยงก่อน และเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ดังนั้นการเติบโตแบบ 150% เมื่อปีที่แล้วของ ARK จึงไม่น่าจะมีให้เห็นได้อีก

 

โดยจนถึงขณะนี้ กองทุน ETF ของ ARK ซึ่งมุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรม ปรับตัวลดลงไปแล้วมากกว่า 5%

 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่ง รวมถึง เอริก บัลชูนาส จาก Bloomberg Intelligence มองว่า ยังคงเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่ากองทุน ARK ของวูดมาถึงจุดจบ เพราะถึงจะมีขนาดลดลง แต่ก็ยังมีเม็ดเงินส่วนหนึ่งคือราว 12,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไหลเข้ามาลงทุนในกองทุน ARK อยู่ ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่คำสั่งซื้อของกองทุน ARK คงที่อยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงมีความเป็นไปได้ที่กองทุน ARK จะพลิกฟื้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง

 

ด้านสถานการณ์ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (14 กันยายน) ปิดตลาดพลิกตัวในแดนลบอีกครั้ง โดยมีสาเหตุหลักมาจากการประกาศปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลของรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นนักลงทุน จนกระตุ้นให้เกิดการเทขายแม้ว่าสถานการณ์เงินเฟ้อจะมีสัญญาณกระเตื้องขึ้นก็ตาม

 

โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 292.06 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 34,577.57 จุด ดัชนี S&P500 ลดลง 25.68 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 4,443.05 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 67.82 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 15,037.76 จุด

 

นักลงทุนต่างจับตารอดูผลการประชุม Fed ระหว่างวันที่ 21-22 กันยายนนี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับลดวงเงินของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนสิงหาคม หนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาการอภิปรายในสภาคองเกรส รวมถึงข้อเสนอของเดโมแครตที่ต้องการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล และภาษีคนรวย หลังมีการปรับลดในปี 2017 ยุครัฐบาลอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising