จากการถือกำเนิดของร้านกาแฟ Slow Bar ในกรุงเทพฯ ที่ขายเฉพาะกาแฟแบบ Pour Over หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า กาแฟดริป (Drip Coffee) เมื่อราว 10 ปีก่อน มาวันนี้กาแฟดริปที่ใช้เทคนิคการค่อยๆ หยดน้ำร้อนจากปลายกาให้ค่อยๆ ไหลผ่านเมล็ดกาแฟที่เพิ่งบดสดใหม่และตัวกรองอย่างเนิบช้า ได้กลายมาเป็นวัฒนธรรมกาแฟที่ไม่ได้จำกัดอยู่ในร้านกาแฟอีกต่อไป แต่แทบทุกบ้าน ทุกที่ทำงาน ต่างก็มีดริปเปอร์ กาน้ำร้อน เครื่องบดกาแฟ ตาชั่ง และเมล็ดกาแฟสายพันธุ์พิเศษอยู่คู่กันเสมอ โดยเฉพาะคนที่รักกาแฟอยู่แล้วนั้น หากได้มาทำความรู้จักก็ไม่แคล้วที่จะหลงรักกาแฟดริปในทันที
เสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในกาแฟดริป
กาแฟดริปคืออะไร ทำไมต้องกาแฟดริป
คำตอบคงต้องย้อนกลับไปนานสักนิด ถึงประวัติศาสตร์กาแฟที่ว่าด้วยการแบ่งประเภทบาร์กาแฟออกเป็น เอสเพรสโซบาร์ ที่ใช้เครื่องเอสเพรสโซในการสร้างสรรค์เมนูกาแฟต่างๆ อีกประเภทคือ Slow Bar ที่เนิบช้ากว่า และสามารถใช้อุปกรณ์กาแฟได้หลากหลายประเภท แต่มีข้อแม้ว่าต้องค่อยๆ สกัดกลิ่นและรสของเมล็ดกาแฟชนิดนั้นๆ ให้ออกมาอย่างดีที่สุด แน่นอนว่าหนึ่งในเครื่องมือของ Slow Bar ก็คือ ดริปเปอร์ ที่คิดค้นมาเพื่อขจัดรสขมที่ติดมากับกาแฟให้หมดไป และนั่นจึงทำให้วิธีการดริปเหมาะสำหรับเมล็ดกาแฟชนิดพิเศษ (Specialty Coffee) ที่มีกลิ่นรสเฉพาะ ตัวอย่างเช่น กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า หรือกาแฟสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งการชงกาแฟแบบดริปที่ไม่ผ่านเครื่องแรงดันอย่างเครื่องเอสเพรสโซ จะสามารถสกัดเอากลิ่นรสที่ซ่อนอยู่ในเมล็ดกาแฟชนิดนั้นๆ ออกมาได้ชัดเจนมาก
กาแฟดริปได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย โดยเฉพาะญี่ปุ่น คาเฟ่เก่าแก่ในโตเกียวต่างก็ใช้วิธีการดริปมาเนิ่นนาน ส่วนในบ้านชาวญี่ปุ่นเองนั้นก็นิยมดื่มกาแฟดริป จนทำให้ญี่ปุ่นมีแบรนด์อุปกรณ์กาแฟดริปออกมาตีตลาดโลกจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านั้น ความพิถีพิถันของกาแฟดริปยังทำให้แม้ญี่ปุ่นจะไม่สามารถปลูกกาแฟได้ แต่ก็มีโรงคั่วกาแฟดีๆ เกิดขึ้นมากมาย เพราะอีกหัวใจของกาแฟดริปคือความพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกเมล็ด เลือกสายพันธุ์กาแฟ ไปจนกระทั่งการคั่ว
วิถีดริปเปอร์
นอกจากเมล็ดกาแฟคุณภาพดีที่ต้องบดสดใหม่ทุกครั้งที่ดริปแล้ว อุปกรณ์สำคัญที่สุดของกาแฟดริปคือ ดริปเปอร์ หรือก็คือตัวกรองประเภทต่างๆ ซึ่งมีลักษณะเป็นทรงกรวย มีตั้งแต่พลาสติก แก้ว เซรามิก สเตนเลส โดยด้านล่างตัวกรองต้องมีรูเล็กๆ เพื่อให้น้ำกาแฟที่สกัดค่อยๆ หยดลงมา ทั้งนี้ตัวกรองส่วนใหญ่ต้องใช้กระดาษกรองซ้อนทับอีกชั้น แต่ดริปเปอร์บางยี่ห้อก็สร้างนวัตกรรมใหม่ที่ไม่ต้องใช้กระดาษกรองก็มี
วิถีดริปเปอร์ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ทุกขั้นตอนต้องมีความใส่ใจรายละเอียดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะขั้นตอนการดริปที่ต้องมีการชั่ง ตวง วัด ทั้งเมล็ดกาแฟและน้ำอย่างพอดิบพอดี ทั้งยังต้องมีการจับเวลาเพื่อให้ได้รสชาติที่ตรงตามต้องการมากที่สุด ไม่แช่กาแฟนานไปจนมีรสขมออกมา อีกทั้งกาต้มน้ำร้อนสำหรับหยดน้ำร้อนลงไปสกัดก็ต้องมีพวยกาที่เล็กกำลังดี และน้ำร้อนเองก็ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ร้อนเกิน หรืออุ่นเกินไปอีกด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือกาแฟดำที่มีกลิ่นและรสแตกต่างกันไปตามชนิดของเมล็ดกาแฟที่ใช้ สามารถดื่มเป็นกาแฟดำร้อนๆ ให้อารมณ์เหมือนดื่มอเมริกาโนจากเครื่องเอสเพรสโซที่ละมุนกว่า เมล็ดกาแฟบางชนิดเมื่อดริปแล้วก็สามารถนำไปเข้าคู่กับนม เติมน้ำผึ้ง น้ำตาล ผสมเป็นเมนูใหม่ๆ ได้อีกหลากหลาย
นวัตกรรมใหม่ Fresh drip on-the-go
เป็นมือใหม่หัดดริปนั้นบอกเลยว่าไม่ยาก แต่มากด้วยรายละเอียด นอกจากเมล็ดกาแฟพร้อม อุปกรณ์พร้อมแล้ว ที่สำคัญคือ ‘เวลา’ ที่ห้ามเร่ง ห้ามรีบ เพราะแค่หยดน้ำลงไป หนักบ้าง เบาบ้าง ไม่เท่ากัน กลิ่นรสกาแฟในวันนั้นจะเปลี่ยนทันที และนั่นจึงเป็นที่มาที่ทำให้แบรนด์กาแฟคุณภาพ ARABUS ลุกขึ้นมาสร้างสรรค์กาแฟดริปพร้อมดื่ม Fresh drip on-the-go ที่ใส่ใจตั้งแต่การคัดสรรเมล็ดอาราบิก้า 100% จากประเทศบราซิล ทั้งยังเก็บสินค้าอยู่ที่อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนส่งตรงถึงมือผู้บริโภค จึงมั่นใจได้ว่ากาแฟดริปพร้อมดื่มถ้วยนี้ยังคงกลิ่นและรสแท้ๆ ของกาแฟดริปคุณภาพ
ARABUS Fresh drip on-the-go มีให้เลือก 4 รสชาติ ได้แก่ เอสเพรสโซ ลาเต้ มอคค่า และคาราเมลมัคคิอาโต้ ซึ่งผ่านขั้นตอนการดริปอันพิถีพิถันไม่ต่างจากดริปดื่มเองที่บ้านหรือที่บาร์ เหมาะสำหรับคอกาแฟสาย Slow Bar ที่ต้องการความละมุนของกาแฟ นอกจากนี้ยังไม่ใช้วัตถุกันเสียที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เป็นกาแฟดริปสดที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้รสชาติกาแฟและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ละมุนละไม หอม กลมกล่อมไม่บาดลิ้น
ไม่ว่าจะที่ไหน เวลาไหน และเร่งรีบแค่ไหน ก็สามารถเต็มอิ่มกับอารมณ์กาแฟดริปได้อย่างละมุน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า