×

Apple Watch Series 9: การเปลี่ยนแปลงแบบน้อยแต่มาก และยังเป็นเพื่อนยากบนข้อมือเสมอ

08.12.2023
  • LOADING...
Apple Watch Series 9

“ก็เหมือนเดิมนี่”

 

เขาว่าความรู้สึกแรกคือความรู้สึกที่ซื่อตรงกับหัวใจที่สุดเสมอ ซึ่งถ้าวัดจากความรู้สึกแรกที่ได้เห็นหน้าตาของ Apple Watch Series 9 หลังจากแกะกล่องออกมาแล้ว หัวใจไม่ได้เต้นตูมตามอะไรมากมาย ซึ่งมันก็เข้าใจได้ เพราะนี่เป็นรุ่นที่ 3 แล้วนับตั้งแต่ Series 7 ที่ Apple Watch ทำหน้าตาออกมาไม่ต่างจากเดิม

 

แต่นั่นเป็นการมองด้วยตาหยาบ เพราะหากมองด้วยตาละเอียดจะพบว่า ในความรู้สึกว่าเหมือนเดิมนั้น มันมีบางอย่างที่เพิ่มเติมขึ้นมา

 

โดยที่ไม่ได้สูญเสียสิ่งดีๆ ที่เคยมี

 

หน้า (จอ) ใสสว่างกระจ่างชัด

 

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า Apple Watch Series 9 นั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพในระดับที่สังเกตเห็นได้ตั้งแต่แรก

 

ดีไซน์ของตัวเรือนยังคงเป็นดีไซน์เก่าที่เปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่รุ่น Series 7 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยเป็นทรงสี่เหลี่ยมขอบโค้งมนรับกับกระจกหน้าจอที่โค้งสวยงาม โดยที่มี 2 ขนาดด้วยกันคือ 41 มม. เหมาะสำหรับสาวๆ (หรือหนุ่มๆ) ที่ข้อมือเล็ก และ 45 มม. ที่ใหญ่ขึ้นมาอีกนิด เหมาะสำหรับข้อมือผู้ชาย

 

ที่ตัวเรือนมี Digital Crown เม็ดมะยมอัจฉริยะและปุ่มกดที่ใช้สำหรับการสั่งการอยู่ด้านข้าง (ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าเป็นคนชอบใส่นาฬิกามือขวาหรือมือซ้าย) ขณะที่อีกฝั่งจะเป็นลำโพงสำหรับสนทนา ส่วนด้านล่างคือระบบวัดชีพจรเหมือนเดิม

 

แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นจากภายใน

 

เริ่มจากหน้าจอชนิดใหม่ Retina LTPO OLED ซึ่งเป็นหน้าจอที่มีความสว่างมากกว่าเดิม โดยให้ความสว่างหน้าจอสูงสุดที่ 2,000 nits หรือสว่างเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเป็น 2 เท่าจากรุ่นที่แล้ว ซึ่งหน้าจอมีความสว่าง 1,000 nits

 

ความสว่างที่เพิ่มขึ้นมากนี้ช่วยให้ Apple Watch Series 9 แสดงผลได้อย่างคมชัด สีสันสวยงาม และสามารถใช้งานกลางแจ้งในที่ที่มีแสงจ้าได้ดีขึ้นมาก

 

ฟีลจะคล้ายได้เจอเพื่อนคนเก่าที่ไม่รู้ไปทำอะไรมาถึงหน้าใสขึ้น!

 

และแน่นอนยังเป็นหน้าจอ LTPO ที่รองรับฟีเจอร์ Always On ทำให้สามารถเหลือบดูหน้าจอได้ตลอดเวลาโดยไม่จำเป็นต้องยกข้อมือขึ้นมา

 

จากที่ได้ทดลองใช้แล้วก็พบว่าแสดงผลได้ชัดเจนดีจริง ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนข้อความเข้า ไปจนถึงหน้าที่หลักอย่างการแสดงเวลา ไม่ใช่ปัญหาเลย

 

ฉลาดขึ้นนะเรา

 

ความเปลี่ยนแปลงของ Apple Watch Series 9 ไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องของหน้าจอเท่านั้น

 

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจากภายในอีกอย่างคือเรื่องของชิปประมวลผล SiP รุ่น S9 ซึ่งทรงพลังอย่างแรงด้วย 4-Core Neural Engine เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น รองรับการประมวลผลที่ซับซ้อนกว่าเก่า

 

ชิป S9 นั้น Apple บอกว่าแรงกว่าชิป S8 ในรุ่น Series 8 ถึง 2 เท่า โดยความแรงที่ได้มานั้นเอาไว้ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง

 

เช่น การสั่งการ Siri หรือฟีเจอร์ใหม่ที่เป็นจุดเด่นสำหรับ Apple Watch Series 9 อย่างเรื่องของการ ‘Double Tap’ ที่สั่งการได้โดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับหน้าจอ

 

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ดีมากๆ เพิ่มเติมเข้ามา เช่น การค้นหาตำแหน่งโทรศัพท์ได้อย่างแม่นยำ เพราะในโมดูลมีชิป Ultra Wideband (UWB) ในการช่วยค้นหา และ NameDrop ที่ใช้สำหรับการแชร์ข้อมูลการติดต่อง่ายๆ เพียงเอาไว้ใกล้อุปกรณ์อีกฝ่าย ไม่ต่างอะไรจาก iPhone

 

จีบๆ จิ๊บๆ

 

มาถึงฟีเจอร์เด่นที่ Apple ชูตั้งแต่ตอนเปิดตัวอย่าง ‘Double Tap’ (สำหรับ watchOS 10.1)


ในตอนแรกที่ได้ยินฟีเจอร์นี้ก็มีความรู้สึกงงๆ อยู่บ้างว่ามันดีหรือมีความสำคัญ หรือสามารถช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นอย่างไรได้?

 

ปรากฏว่าเมื่อได้ใช้งานจริงแล้ว การ Double Tap หรืออาจจะเรียกแบบไทยๆ ง่ายๆ ได้ว่า ‘จีบ’ (เพราะเหมือนกับการจีบนิ้วเตรียมรำวง!) มีประโยชน์อยู่

 

การจีบที่ว่านี้ทำได้โดยแตะนิ้วโป้งและนิ้วชี้ของมือข้างที่ใส่ Apple Watch Series 9 สองครั้งอย่างเร็วๆ (จิ๊บๆ) เพื่อเป็นการสั่งงานได้หลายอย่าง เช่น

 

  • ปัดจอ
  • แตะ
  • เล่น / หยุดเพลง
  • เปิดการแจ้งเตือน
  • เรียกดูลิสต์แอปใน Smart Stack
  • ดูวิดเจ็ตซ้อนอัจฉริยะ

 

ถึงแม้ว่า Apple จะระบุว่าขณะนี้ Double Tap ยังไม่รองรับการใช้งานกับแอปพลิเคชันพื้นฐานของ watchOS เช่น Walkie-Talkie, Maps, Sleep Focus, ECG, Heart Rate, Blood Oxygen ไปจนถึง SOS และในระหว่างออกกำลังกาย Workout เพราะการจีบนิ้วอาจเกิดขึ้นได้และให้ผลที่ไม่ต้องการกับแอปกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มสุขภาพ

 

แต่อย่างน้อยลูกเล่นเล็กๆ นี้ก็ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตได้บ้าง เช่น ในขณะที่มือไม่ว่างจะแตะเพื่อรับสาย ปิดนาฬิกาปลุก หรือเลื่อนเพลง สั่งกดชัตเตอร์บน iPhone

 

เพียงแต่ถึงจะออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายก็ยังต้องมีการเรียนรู้กับมันอยู่บ้าง แต่ก็ใช้เวลาไม่นานในการทำความเข้าใจ

 

จีบๆ จิ๊บๆ ไม่ยากหรอก

 

เพื่อนยากบนข้อมือ

 

นอกเหนือจากสิ่งใหม่ๆ แล้ว สิ่งที่ทำให้ Apple Watch Series 9 ยังคงเป็นสมาร์ทวอทช์ที่ยากจะเปลี่ยนใจได้คือเรื่องของคุณสมบัติดีๆ ที่มีการพัฒนาต่อเนื่องมาตั้งแต่รุ่นแรก

 

  • เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า (ECG)
  • วัดออกซิเจนในเลือด
  • ตรวจจับการนอนหลับ
  • ติดตามรอบเดือน (สำหรับสาวๆ)
  • Crash Detection ตรวจจับการชน / ล้ม หากเกิดอุบัติเหตุ Apple Watch จะโทรออกหาเบอร์ฉุกเฉินที่ตั้งค่าไว้ พร้อมแชร์ตำแหน่งเพื่อการช่วยเหลือทันที
  • กันน้ำ 50 เมตร
  • ความอึดของแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ทนทาน 18 ชั่วโมง หรือ 36 ชั่วโมงในโหมดประหยัดพลังงาน

 

เรียกได้ว่า Apple Watch Series 9 ยังคงเป็นเพื่อนยากคนดีคนเดิมที่เหมือนอยู่กับเราตลอดเวลาบนข้อมือของเรานั่นเอง

 

ปัญหาเดียวที่อาจเกิดคือเรื่องของความรู้สึก โดยเฉพาะกับคนที่มี Series 7 หรือ Series 8 อยู่แล้ว การอัปเกรดเป็น Series 9 ที่หน้าตาให้ความรู้สึกว่า ‘ก็เหมือนเดิม’ อาจเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยาก แต่สำหรับคนที่ใช้ Apple Watch รุ่นที่เก่ากว่านั้น หรือคนที่ไม่เคยใช้ Apple Watch เลย ก็อาจเป็นโอกาสที่ดี

 

Apple Watch Series 9 ราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาท สำหรับตัวเรือนแบบอะลูมิเนียม (มี 5 สี มีให้เลือกแบบ GPS และ GPS+Cellular) และ 27,900 บาท สำหรับตัวเรือนสเตนเลส (มี 3 สี มาพร้อม GPS+Cellular เลย) พร้อมสายนาฬิกาที่มีให้เลือกอย่างละลานตาไปหมด

 

นี่ก็ใกล้ปีใหม่แล้ว ซื้อเป็นของขวัญให้ตัวเองหรือคนที่รู้สึกดีด้วยก็ได้นะ 🙂

ภาพ: Ming Yeung / Getty Images

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising