×

เรื่องนี้มีความลับ? เหตุผลที่ทำไม Apple ถึงต้องให้หน้าจอ MacBook เอียง 76 องศาเสมอ

21.10.2023
  • LOADING...
Apple MacBook

HIGHLIGHTS

  • หน้าจอ MacBook ที่ตั้งเอาไว้ที่ 76 องศา (มีคนเข้าไปวัดมาแล้วจริงๆ!) นั้นผ่านการคิดมาแล้วว่าเป็นการตั้งหน้าจอที่เชื้อเชิญให้คนที่สนใจได้มาลองสัมผัส
  • แต่แค่การสัมผัสไม่ได้แปลว่าคุณจะตกหลุมรัก MacBook ซึ่งมีสนนราคาไม่น้อยได้ง่ายๆ ท่าไม้ตายสำหรับ Apple ที่จะช่วยทำให้คุณเผลอใจมากขึ้นคือ การมอบ ‘ประสบการณ์’ ที่ดีในการใช้งานจริงให้คุณ
  • ไม่ว่าคุณจะซื้อหรือยังไม่ซื้อ จะมีสตาฟฟ์ของร้านที่พร้อมจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไปจนถึงช่วยตอบคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งานให้คุณ ไม่ว่าคำถามนั้นจะยากหรือง่ายแค่ไหนก็ตาม และคุณสามารถกลับมาถามใหม่ได้เรื่อยๆ หากยังมีข้อสงสัยอยู่

แม้ว่าจะมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนตระกูล iPhone 15 ไปตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ Apple Store ยังคงคราคร่ำไปด้วยแฟนๆ (Aka สาวก) ที่ต้องการเป็นเจ้าของโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุด

 

แต่ใน Apple Store ไม่ได้มีเพียง iPhone เท่านั้น แต่ยังมีสินค้าสุดล้ำอีกมากมายที่วางเรียงรายให้ทุกคนได้เข้าไปหยิบ จับ และทดลองเล่นกันอย่างจริงจัง ตั้งแต่ iPad, Apple Watch, Airpods รวมถึงหนึ่งในอุปกรณ์ยอดฮิตตลอดกาลอย่าง MacBook เครื่องคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปที่กลายเป็นเหมือนอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับคนสมัยนี้ไปแล้ว

 

ว่าแต่เคยมีใครสังเกตบ้างไหมว่า หากเราเข้าไปในร้าน Apple Store ทีไร โดยเฉพาะในช่วงเช้าตอนเปิดร้าน บรรดาเครื่อง MacBook ทุกรุ่นที่วางเรียงรายกันอยู่นั้นจะมีการตั้งหน้าจอเอาไว้เอียงในมุมที่เท่ากันเสมอ

 

มุมดังกล่าวคือ 76 องศา

 

เรื่องนี้ไม่ใช่ความบังเอิญแน่ๆ แหละพี่น้อง

 

ผู้ชายยืนถือ Macbook

 

เพราะพระเจ้าอยู่ในรายละเอียด

 

เรื่องการตั้งหน้าจอให้ได้องศาที่เท่ากันนี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนถึงปรัชญาการทำงานของ Apple ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างแท้จริง

 

หน้าจอของ MacBook ที่วางเรียงรายในองศาที่เท่ากันนั้นไม่ได้มีผลแค่เพียงเรื่องของ ‘สุนทรียะ’ (Aesthetic) เท่านั้น แม้ว่าการได้เห็นคอมพิวเตอร์สวยๆ ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดีวางเรียงในองศาที่เท่ากันจะทำให้เกิดความรู้สึกแบบนั้นก็ตาม

 

หน้าจอที่ตั้งเอาไว้ที่ 76 องศา (มีคนเข้าไปวัดมาแล้วจริงๆ!) นั้นผ่านการคิดมาแล้วว่าเป็นการตั้งหน้าจอที่เชื้อเชิญให้คนที่สนใจได้มาลองสัมผัส โดยที่เครื่อง MacBook ทุกเครื่องที่ตั้งใน Apple Store นั้นอยู่บนโต๊ะขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม เรียบร้อย ให้ความรู้สึกที่อบอุ่น และแน่นอนบนโต๊ะนั้นสะอาด

 

คนที่สนใจในเครื่อง MacBook ไม่ว่าจะตั้งใจอยากมาลองหรือไม่ก็ตาม แน่นอนว่าแต่ละคนสูงไม่เท่ากัน มีมุมถนัดของตัวเองไม่เหมือนกัน ก็ต้องปรับหน้าจอให้เข้ากับองศาการมองเห็นของตัวเอง

 

นั่นหมายถึงคุณได้เริ่ม ‘ตกหลุม’ ของ Apple แล้วโดยไม่รู้ตัว เพราะคุณได้สัมผัสกับเครื่อง MacBook แล้ว

 

ประสบการณ์คือสิ่งสำคัญที่สุด

 

แต่แค่การสัมผัสไม่ได้แปลว่าคุณจะตกหลุมรัก MacBook ซึ่งมีสนนราคาไม่น้อยได้ง่ายๆ

 

ท่าไม้ตายสำหรับ Apple ที่จะช่วยทำให้คุณเผลอใจมากขึ้นคือ การมอบ ‘ประสบการณ์’ ที่ดีในการใช้งานจริงให้

 

นั่นเป็นเหตุผลที่เครื่อง MacBook ทั้งหมดไม่ได้แค่เปิดเครื่องทิ้งไว้เฉยๆ แต่ทุกเครื่องยังเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเอาไว้ พร้อมกับลงแอปพลิเคชันสำหรับการใช้งานให้สามารถทดลองได้อย่างเต็มรูปแบบ ได้เห็นของจริงกันเลยว่าความรวดเร็ว ประสิทธิภาพ ไปจนถึงความถนัดมือในการใช้งานนั้นเป็นอย่างไร

 

ถือ MacBook มือเดียว

 

ผู้เขียนเองก็พอมีประสบการณ์ตรงเหมือนกัน ด้วยความที่เป็นนักเขียนจึงต้องลองทดลองเปิดโปรแกรมเอกสารอย่าง Pages ทำงาน พร้อมกับเปิดเว็บเบราว์เซอร์อย่าง Safari ไปด้วย ซึ่งด้วยระบบปฏิบัติการ macOS สามารถที่จะเปิดสองโปรแกรมพร้อมกันโดยแบ่งครึ่งหน้าจอซ้าย-ขวาได้ ถือเป็นจุดที่ทำให้ชนะใจอย่างง่ายดาย

 

ที่เหลือคือเรื่องของ ‘สัมผัส’ โดยเฉพาะแป้นพิมพ์ที่นุ่มนวล ค่อนข้างเงียบ พิมพ์แบบสัมผัสได้ลื่นไหล

 

รู้ตัวอีกทีคือยืนรอจ่ายเงินแล้ว…

 

ทั้งหมดเรียกว่าเป็น ‘ประสบการณ์แบบพหุสัมผัส’ หรือ Multisensory Experiences ซึ่งสร้างความรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของให้เกิดขึ้น

 

เรื่องนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ Apple เพิ่งทำ แต่พวกเขาทำมานานแล้วตั้งแต่เริ่มเปิด Apple Store สาขาแรกในปี 2001

 

ครั้งนั้น สตีฟ จ็อบส์ อดีตซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง ได้พาคณะผู้สื่อข่าวเดินเที่ยวชมร้าน ก่อนจะบอกทุกคนว่า “คุณเข้าไปใช้คอมพิวเตอร์เครื่องไหนก็ได้ แล้วใช้งานได้เลย เข้าไปยังเว็บไซต์ส่วนตัวของคุณหรือทำอะไรก็ได้ที่คุณอยากทำบนอินเทอร์เน็ต”

 

วันเวลาผ่านมา 22 ปี วิถีนี้ยังคงอยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสินค้าที่มากขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แทบทุกประเภท

 

ไม่ใช่แค่อยากขาย แต่อยากให้ใช้งานได้คุ้มค่า

 

ถ้าคุณได้ลองสัมผัสแล้ว ได้ทดลองใช้เก็บเกี่ยวประสบการณ์แล้ว อีกสเต็ปต่อมาที่ Apple พร้อมป้ายยาคุณคือ การมอบความรู้ (Education) ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ให้กับคุณด้วย

 

           

ไม่ว่าคุณจะซื้อหรือยังไม่ซื้อ จะมีสตาฟฟ์ของร้าน (Genuis) ที่พร้อมจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไปจนถึงช่วยตอบคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งานให้ ไม่ว่าคำถามนั้นจะยากหรือง่ายแค่ไหนก็ตาม และคุณสามารถกลับมาถามใหม่ได้เรื่อยๆ หากยังมีข้อสงสัยอยู่

 

นอกจากนี้ Apple ยังมีการเปิดชั้นเรียน ‘Today at Apple’ ที่จะมีคลาสเวิร์กช็อปสอนการใช้งานต่างๆ เช่น การใช้โปรแกรม GarageBand แต่งเพลงด้วยเครื่อง MacBook ของคุณ หรือการถ่ายภาพด้วย iPhone และการวาดภาพด้วย iPad

 

เรียกว่าไม่ใช่แค่คิดจะขาย แต่อยากให้ทุกคนใช้งานผลิตภัณฑ์ได้อย่างดีและคุ้มค่าที่สุดด้วย เพราะหลายเรื่องบางทีผู้ใช้เองก็ไม่รู้ว่าเครื่องมีความสามารถหรือมีศักยภาพที่สามารถทำได้

 

เป็นการทำให้ทุกคนได้เห็นศักยภาพของผลิตภัณฑ์ และเป็นการปลดล็อกศักยภาพของผู้ใช้สินค้าของ Apple ที่จะค้นพบว่าตัวเองก็สามารถเรียนรู้และทำสิ่งใหม่ๆ ได้เสมอในทุกวันไปพร้อมกัน

 

Genius!

 

ดังนั้นคราวหน้าถ้าคุณลองเข้าไปในร้าน Apple Store (โดยเฉพาะตอนเปิดร้าน) แล้วลองสังเกตเห็นว่าหน้าจอของ MacBook เรียงรายกันในองศาที่เท่ากัน รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่าง iPad, iPhone, iMac หรือ Apple Watch (พร้อมกับสายนาฬิกาทุกแบบที่มีขาย) ที่ถูกจัดวางเปิดไว้ให้ทดลองใช้งานเต็มสูบ

 

เราก็ไม่ต้องแปลกใจอีกต่อไป

 

มันมีเหตุผลซ่อนอยู่ข้างในที่ทำให้ Apple ชนะใจผู้คนมาโดยตลอด ต่อให้เราจะรู้สึกว่าระยะหลังการอัปเดตผลิตภัณฑ์แทบจะไม่มีอะไรให้ฮือฮาเลยก็ตาม แต่เมื่อคิดจะเปลี่ยน Device อะไรสักอย่าง เราจะกลับมาที่ Apple Store เสมอ

 

ภาพปก: Horacio Villalobos – Corbis / Corbis via Getty Images

ภาพประกอบ: Courtesy of Apple

อ้างอิง:

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising