×

HomePod & HomePod mini: ลำโพงอัจฉริยะเสียงเทพ ดีไซน์โดน น่าซื้อหรือไม่? หลังเตรียมวางจำหน่ายในไทยแล้ว!

09.05.2024
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • พอจะตัดเกรดให้ HomePod ได้ว่าอยู่ในหมวด ‘ของดี’ ทีเดียว เพราะเสียงที่ได้รับฟังนั้นไม่เพียงแต่เบสจะนุ่ม ทุ้ม และลึกแล้ว เสียงแหลมก็ยังไปได้ไกลและหวานอยู่พอสมควร
  • นอกจากการฟังเพลงแล้ว HomePod ยังสามารถรับมือกับการดูภาพยนตร์ได้ด้วย รองรับการชมภาพยนตร์ที่มีระบบเสียง Dolby Atmos, Dolby 7.1 หรือ Dolby 5.1 ด้วย ซึ่งด้วยความเป็นลำโพงแบบรอบทิศทาง ทำให้มิติเสียงสมจริงอย่างมาก
  • สิ่งที่ HomePod ทำได้มากกว่าลำโพงดีๆ แบรนด์อื่นคือ การที่มี ‘Siri’ ตามมาอยู่ในบ้านเราด้วย เราสามารถสั่งการได้ด้วยคำสั่งง่ายๆ หลายอย่าง เช่น “สวัสดี Siri ที่นี่มีอุณหภูมิเท่าไร” หรือ “สวัสดี Siri เล่นเพลงป๊อปสุดฮิตในห้องนอน” 
  • HomePod mini ก็ให้ประสบการณ์ที่ดีได้น้องๆ ตัวใหญ่เลยทีเดียว พลังเสียงนั้นถึงจะจิ๋วแต่ก็แจ๋วไม่ใช่เล่น เอาเป็นว่าฟังแล้วแอบทึ่งอยู่พอสมควรกับมิติเสียงและพลังที่อัดแน่นจนน่าประหลาดใจ ที่สำคัญคือจับคู่กันได้เหมือนกัน สองจิ๋วรวมตัวกันก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาอยู่

“ยินดีต้อนรับสู่ Apple Home” 

 

นี่คือคำกล่าวต้อนรับ THE STANDARD WEALTH และคณะสื่อมวลชนจากประเทศไทย ที่ได้รับเกียรติในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เตรียมจะวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นที่คาดเดากันอย่างสนุกสนานว่าจะเป็นอะไรได้บ้างและทำไมถึงต้องเชิญมาถึงสำนักงานที่ประเทศสิงคโปร์

 

ก่อนที่ทุกคนจะได้ทราบคำตอบในประโยคต้อนรับหลังจากที่ Apple ได้ใช้ Apple Watch เปิดประตูต้อนรับทุกคนกับคำว่า ‘Apple Home’ และสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ ‘HomePod’ ลำโพงที่เป็นมากกว่าแค่ลำโพงธรรมดาๆ

 


บทความที่เกี่ยวข้อง:


 

สำหรับ HomePod นั้นความจริงแล้วไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ใหม่แต่อย่างใด เพราะใน HomePod วางจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2018 แล้วส่วน HomePod (รุ่นที่ 2) ก็เปิดตัวและวางจำหน่ายมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2023 หรือวางจำหน่ายมาร่วมปีแล้ว 

 

แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Apple ยังไม่เคยนำผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้เข้ามาจำหน่ายในบ้านเราแต่อย่างใด ทำให้คนที่สนใจและอยากหามาครอบครองต้องหาซื้อจากร้านค้าที่รับพรีออร์เดอร์เข้ามาแทน เพราะสามารถหาได้ใน Apple Store ในประเทศที่ไม่ไกลมากอย่างสิงคโปร์หรือฮ่องกง

 

Apple Homepod สีดำ และกล่อง

 

แต่วันนี้ Apple พร้อมนำ HomePod มาแนะนำตัวกับทุกคนแล้ว ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะมาช้าอย่างไรเสียก็ดีกว่าไม่มา

 

เพราะที่สัมผัสมา HomePod และ HomePod mini ก็ไม่ใช่ธรรมดา

 

พลังเสียงระดับ Diva ในราคาจับต้องได้

 

ในความสามารถอันหลากหลายของ HomePod สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญย่อมเป็นการทำหน้าที่ในฐานะลำโพง (Speaker) ซึ่งถ้าเล่นแล้วฟังเพราะดีก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง

 

และก็ต้องบอกว่า HomePod ชนะใจได้ไม่ยากนัก

 

ผู้เขียนซึ่งเป็นนักฟังเพลงประมาณหนึ่งและมีความสนใจเกี่ยวกับลำโพงบลูทูธสมัยใหม่ มีประสบการณ์กับลำโพงแบรนด์ดังที่เขาว่าดีมาหลายยี่ห้อ พอจะตัดเกรดให้ HomePod ได้ว่าอยู่ในหมวด ‘ของดี’ ทีเดียว เพราะเสียงที่ได้รับฟังนั้นไม่เพียงแต่เบสจะนุ่ม ทุ้ม และลึกแล้ว เสียงแหลมก็ยังไปได้ไกลและหวานอยู่พอสมควร

 

ถ้าเปรียบแล้วก็เหมือนเป็นพลังเสียงของนักร้องในระดับ Diva ที่อยากฟังเพลงอะไรก็ได้บอกมาเถอะ เดี๋ยวฉันจะร้องให้ฟังอย่างไพเราะเสนาะหูเลย!

 

ความลับของพลังเสียงที่ทั้งนุ่มและหวานนี้มาจากวูฟเฟอร์ในแบบ High-Excursion ที่มีมอเตอร์คอยขับเคลื่อนไดอะแฟรมให้ขยับไปมาได้ถึง 20 มม. รวมถึงมีไมโครโฟนที่ตั้ง EQ (Equalizer) มาสำหรับเสียงเบสที่จะทำหน้าที่ในการปรับจูนย่านความถี่ต่ำแบบเรียลไทม์

 

ใครอ่านแล้วงงก็ไม่ต้องใส่ใจมากก็ได้ เอาเป็นว่า HomePod ให้เสียงเบสที่กระหึ่ม ลึก และ ‘คลีน’ มากๆ

 

Apple HomePod และ iPhone ที่เชื่อมต่อ

 

ส่วนเสียงในย่านสูงมาจากชุดทวีตเตอร์แบบบีมฟอร์มมิ่ง 5 ตัวบริเวณฐานที่จะปรับย่านความถี่สูงอย่างลงตัวที่สุด เพื่อให้รายละเอียดที่ชัดเจน น่าทึ่ง และอีกเช่นกันคือเสียงไฮโน้ตนั้น ‘คลีน’ สะอาดใสกิ๊ง

 

แต่ทีเด็ดที่สุดคือเรื่องของซาวด์สเตจที่เป็นไม้ตายของ HomePod ที่ Apple ออกแบบมาเป็นอย่างดี รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยอย่างชิป S7 ที่จะคำนวณเอาค่าเสียงที่ได้จากเซ็นเซอร์ เพื่อสร้างโมเดลการปรับจูนเสียงที่ซับซ้อนแบบเรียลไทม์

 

พูดง่ายๆ คือ คุณสามารถวาง HomePod ไว้ตรงไหนของห้องก็ได้ ลำโพงจะคำนวณพื้นที่และระยะทางของมันเอง และทำให้ได้เสียงที่เพราะและโอบล้อมคุณไว้ในอ้อมกอดเสมอ

 

ลำโพงคู่กู้โลก

 

นอกจากการฟังเพลงแล้ว HomePod ยังสามารถรับมือกับการดูภาพยนตร์ได้ด้วย โดย Apple ได้เลือกภาพยนตร์ตัวอย่างจาก Apple TV ให้ได้สัมผัสถึงความแข็งแกร่งของลำโพงอัจฉริยะที่พวกเขาภูมิใจ

 

เพียงแต่ไม่ได้ใช้ลำโพงแค่ตัวเดียวแล้ว แต่เป็นการจับคู่กันระหว่าง HomePod 2 ตัวที่เชื่อมต่อกันเป็นระบบ Stereo แยกซ้าย-ขวา ซึ่งความจริงก็เป็นฟังก์ชันมาตรฐานสำหรับลำโพงในหลายแบรนด์ที่สามารถจับคู่กันได้และให้พลังเสียงที่ดีกว่าเดิม

 

HomePod ก็เช่นกัน ลำพังตัวเดียวก็ว่าดีอยู่แล้ว เมื่อจับคู่กัน 2 ตัวก็ต้องบอกว่าได้เสียงที่ดียิ่งขึ้นไปอีก สามารถรับมือกับภาพยนตร์แอ็กชันเร้าใจมันๆ ได้แบบสบายๆ โดยทีเด็ดนั้นอยู่ที่การรองรับการชมภาพยนตร์ที่มีระบบเสียง Dolby Atmos, Dolby 7.1 หรือ Dolby 5.1 ด้วย ซึ่งด้วยความเป็นลำโพงแบบรอบทิศทาง ทำให้มิติเสียงสมจริงอย่างมาก

 

เรียกว่าน้องๆ โรงภาพยนตร์เลยทีเดียว

 

Apple HomePod 2 ตัว วางขนาบข้าง MacBook

 

ทีนี้ถามว่า HomePod ตัวเดียวพอไหวไหม? คำตอบคือพอไหวอยู่แล้ว แต่ถ้าคิดถึงเรื่องการใช้งานเพื่อดูภาพยนตร์ด้วยแล้ว แนะนำว่าควรจะมี 2 ตัวจับคู่กันน่าจะดีกว่า

 

Apple Home บ้านฉลาดล้ำแบบ Apple

 

ทีนี้สิ่งที่ HomePod ทำได้มากกว่าลำโพงดีๆ แบรนด์อื่นคือ การที่มี ‘Siri’ ตามมาอยู่ในบ้านเราด้วย 

 

เราสามารถสั่งการได้ด้วยคำสั่งง่ายๆ หลายอย่าง เช่น “สวัสดี Siri ที่นี่มีอุณหภูมิเท่าไร“ หรือ “สวัสดี Siri เล่นเพลงป๊อปสุดฮิตในห้องนอน” ที่จะช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ก็เป็นความเล็กน้อยที่อาจมีความหมายในวันที่เหนื่อยล้า

 

นอกจากนี้ Siri ใน HomePod ยังสามารถจัดการสิ่งต่างๆ ให้กับคุณได้หลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิดประตู โคมไฟ ม่าน ไปจนถึงการจัดบรรยากาศในบ้านตามสถานการณ์ที่คุณต้องการ เช่น ต้องการทำงานแบบเงียบสงบก็ขอให้ Siri ช่วยปรับแสงและบรรยากาศในห้องให้เหมาะสมกับการทำงาน หรือแทนที่จะแค่ตั้งนาฬิกาปลุกเฉยๆ ก็ให้ Siri ช่วยเปิดม่านรับแสงยามเช้าให้กระชุ่มกระชวยได้ด้วย 

 

ทั้งหมดจะทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน HomeKit ที่เราสามารถตั้งค่าไว้ล่วงหน้าได้โดยไม่จำกัดรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการของเราเลย

 

Siri จะจำเสียงสมาชิกในครอบครัวที่แตกต่างกันได้สูงสุด 6 คน หรือพูดง่ายๆ คือ มี Preference แตกต่างกันตาม Profile สมมติการขอให้ Siri ช่วยเปิดเพลงให้ ถ้าเป็นพ่อก็จะได้ฟังเพลง LOSO, แม่ได้เพลง Triumphs Kingdom ส่วนลูกจะได้เพลง LOMOSONIC แทน

 

 

และที่คุณพ่อคุณแม่อาจจะชอบมากเป็นพิเศษคือ HomePod ยังเป็นอินเตอร์คอมไว้คุยกับลำโพงในห้องอื่นได้ด้วย เช่น สั่งจากห้องครัวตามลูกให้มาลงกินข้าว (ได้แล้ว!) หรือในทางกลับกัน คุณพ่อกำลังขับรถกลับบ้านอยู่ สั่งการผ่าน CarPlay ส่งตรงถึง HomePod ในบ้านเพื่อถามแม่ว่า “กำลังกลับจะให้แวะซื้อก๋วยเตี๋ยวหมูไหม” 

 

แต่แน่นอนว่าฟังก์ชันเหล่านี้ย่อมมาพร้อมกับเงื่อนไขสำคัญว่า อุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านจะต้องรองรับ Apple HomeKit ด้วย โดยปัจจุบัน IoT เป็นสิ่งที่เริ่มได้รับความนิยมกันมากขึ้นแล้ว มีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกมารองรับมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็มีทั้งราคาถูกและแพง

 

HomePod mini: เล็กพริกขี้หนู เสียงดีเกินตัว

 

พูดถึง HomePod (รุ่นที่ 2) มาพอสมควรแล้ว จริงๆ แล้วยังมี HomePod mini ที่เปิดตัวและวางจำหน่ายพร้อมกันด้วย ซึ่งแม้ว่าทุกอย่างจะด้อยกว่า (แหงสิ ก็ตัวเล็กกว่า) แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าตัวเล็กจะไม่เอาอ่าวเสียเมื่อไร

 

ในทางตรงกันข้าม HomePod mini ก็ให้ประสบการณ์ที่ดีได้น้องๆ ตัวใหญ่เลยทีเดียว พลังเสียงนั้นถึงจะจิ๋วแต่ก็แจ๋วไม่ใช่เล่น เอาเป็นว่าฟังแล้วแอบทึ่งอยู่พอสมควรกับมิติเสียงและพลังที่อัดแน่นจนน่าประหลาดใจ ที่สำคัญคือ จับคู่กันได้เหมือนกัน สองจิ๋วรวมตัวกันก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาอยู่

 

Apple HomePod mini และกล่อง

 

สิ่งที่อาจขาดหายไปคือ ของใหญ่อย่างเทคโนโลยีระบบเสียงตามตำแหน่งและการรับรู้ตำแหน่งภายในห้องแค่นั้นเอง แต่ก็ได้เรื่องของความกะทัดรัด น้ำหนักที่เบา และสีสันที่สดใสมากกว่า มีให้เลือกถึง 5 สีด้วยกัน (สีเหลืองกับสีส้มมันช่างเจิดจ้าเสียเหลือเกิน)

 

นอกจากนี้ยังสามารถใช้การเป็นไมโครโฟนสำหรับการประชุมหรือการเรียนออนไลน์ได้ด้วย เห็นแบบนี้เสียงชัดอยู่พอสมควรเลย

 

จุดอ่อนใหญ่สำหรับ HomePod mini อาจเป็นการที่ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว ทำให้ไม่สามารถพกพาไปข้างนอกบ้านได้ (รวมถึง HomePod ด้วยเช่นกัน)

 

แต่ก็นั่นแหละนะ มันชื่อ HomePod นี่ ไม่ใช่ AwayPod! 

 

ขณะเดียวกันแบตเตอรี่ในตัวก็แลกมากับสายที่เราต้องพกไปไหนมาไหน ซึ่งจริงๆ น้ำหนักของ HomePod เองก็ถือว่าหนักพอสมควร ในขณะที่ HomePod mini หนึ่งในสิ่งที่ผู้เป็นเจ้าของต้องระวังคือ การที่ ‘สาย’ เชื่อมติดกับลำโพงเลย ไม่เหมือน HomePod ที่ถอดได้ 

 

ทำให้การจะพบ HomePod mini ออกนอกบ้านเป็นเรื่องที่ลำบากอยู่บ้าง เพราะต้องคอยพันสายดีๆ ไม่อย่างนั้นมีพังแน่นอน แม้สายของ HomePod mini จะเปลี่ยนมาเป็นสายถัก ไม่ใช่พลาสติกแบบเดิมๆ แล้วก็ตาม 

 

HomePod เหมาะกับใคร

 

สำหรับ HomePod (รุ่นที่ 2) ที่มี 2 สี Midnight เข้มๆ กับ White ขาวๆ แบบ Apple (Midnight จะดูแลง่ายกว่าหน่อย) สนนราคาเพียง 11,490 บาทมา ส่วน HomePod mini ซึ่งมี 5 สีด้วยกัน คือ สเปซเกรย์, น้ำเงิน, ส้ม, เหลือง และขาว ราคาดีมาก 3,890 บาท (แถม Apple Music ฟรีอีก 6 เดือนสำหรับสมาชิกใหม่) เริ่มวางจำหน่ายในบ้านเราวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ โดยซื้อผ่านเว็บไซต์ https://apple.com/th/homepod หรือในร้านค้าได้เลย 

 

แต่ในความดีพร้อมของ HomePod และ HomePod mini ก็จะมาพร้อมกับคำถามในยุคข้าวยากหมากแพง ค่าไฟก็แพง เพราะแดดแรงยังกับตกนรกไฟเยอร์ เราควรจะเสียเงินให้กับสิ่งนี้ดีหรือไม่ นี่ถือว่าเป็น ‘ของต้องมี’ หรือเปล่า?

 

Apple HomePod และ HomePod mini

 

ถ้าที่บ้านหรือที่ห้องในคอนโดมีลำโพงที่ดีอยู่แล้วก็อาจไม่จำเป็นเท่าไร แม้ว่าเสียงของ HomePod นั้นจะอยู่ในขั้นดีเยี่ยม พอขึ้นชกกับลำโพงแบรนด์ในระดับไฮเอนด์ที่มีสนนราคาสูงกว่าได้สบายๆ แต่ยุคนี้เซฟได้ก็เซฟก่อน

 

เพียงแต่ถ้ามองหาลำโพงดีๆ ในราคาที่ไม่ได้สูงมาก และเป็นมากกว่าลำโพงคือ ได้ System ของทั้งความบันเทิง (Entertainment) ไปจนถึงการเริ่มต้นสู่การเป็น Smart Home อันนี้บอกได้ว่า HomePod เป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ 

 

สำหรับห้องนั่งเล่น HomePod (รุ่นที่ 2) วางไว้ 2 ตัวรับจบทุกงาน สั่งการอย่างอื่นได้ด้วย และถ้าอยากให้เต็มระบบกว่านั้น สามารถติดตั้ง HomePod mini ไว้ตามห้องต่างๆ ได้ด้วย ซึ่งนอกจากการสั่งการผ่าน Siri แล้ว การฟังเพลงเองก็จะให้ประสบการณ์ที่ดีมากๆ 

 

ลองหลับตาแล้วนึกภาพตามว่าเราขับรถฟังเพลงผ่าน CarPlay ต่อด้วยการฟังผ่าน AirPod ระหว่างลงรถเดินเข้าบ้าน แล้วแค่ใช้ iPhone สัมผัสกับ HomePod ตัวใหญ่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอน เสียงเพลงที่เราเปิดจะตามเราไปทุกที่

 

หรือแม้แต่รายการ Podcast ยอดนิยมของ THE STANDARD WEALTH อย่าง Morning Wealth และรายการน้องใหม่ที่มาแรงสุดๆ อย่าง NEW GEN INVESTOR ก็ฟังได้ทุกที่แบบไร้รอยต่อเหมือนกัน 

 

 

ที่สำคัญคือ ไม่ได้สงวนสำหรับบริการของ Apple อย่าง Apple Music, Apple TV หรือ Podcast เท่านั้น แต่ยังใช้งานร่วมกับ Spotify และ YouTube ได้ด้วย เพียงแต่แน่นอนว่าสินค้าของ Apple ใช้กับบริการของตัวเองก็จะลื่นไหลที่สุด เพราะมันเป็น Experience ในแบบที่ Apple คิดมาให้ 

 

สุดท้ายขอแนะนำว่า อยากให้ไปลองฟังและสัมผัสด้วยตัวเองก่อนดีที่สุด เพราะของแบบนี้ต้องสัมผัสและมีประสบการณ์โดยตรง 

 

ถ้าชอบ ถ้าถูกใจ เราจะได้ยินเสียงแผ่วๆ กระซิบเบาๆ จากลำโพงตัวนี้

 

“พาฉันกลับบ้านสิ ฉันจะเปลี่ยนบ้านนายให้ฉลาดแล้วก็สนุกขึ้นเอง” 

 

หมายเหตุ: ภาพทั้งหมดถ่ายและปรับสีโดย iPhone 15 Pro Max

 

ภาพ: ภูมิ มะเดชะ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising