มกราคมที่ผ่านมา Apple ได้ปล่อยคู่มือสำหรับแนะนำความปลอดภัยของการใช้งานระบบปฏิบัติการ iOS 11 ครอบคลุมถึงการปลดล็อกเครื่องด้วยไบโอเมตริกซ์วิธีต่างๆ การใช้งานแอปพลิเคชัน การเข้ารหัสข้อมูล การสำรองข้อมูล ไปจนถึงการใช้ Apple Pay ทำธุรกรรมออนไลน์
แต่สิ่งที่ชวนให้ผู้คนฉงนสงสัยคือข้อความท่ีระบุว่าบริการ iCloud ของพวกเขาสำรองข้อมูลบน Cloud ของ Google Cloud และ Amazon S3 ซึ่งในที่นี้ Apple ระบุว่าส่วนของไฟล์ข้อมูลที่ทำการสำรองบนผู้ให้บริการเจ้าอื่นๆ นั้นจะไม่มีการระบุตัวตนผู้ใช้งานแต่อย่างใด ส่วนสำนักข่าว CNBC และ The Verge กล่าวแบบแบ่งรับแบ่งสู้เชิงไม่แน่ใจว่านอกเหนือจากไฟล์ภาพและวิดีโอ Apple มีการจัดเก็บสำรองข้อมูลชนิดอื่นอีกหรือไม่
สำหรับ Amazon S3 คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไร เพราะโดยปกติ Apple ก็ใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลทางไกลจาก Amazon และ Microsoft Azure อยู่แล้ว แต่ที่แปลกคือพวกเขาตัดสินใจผละจาก Microsoft แล้วหันมาใช้บริการของ Google Cloud แทน ขณะที่สื่อหลายสำนักยังระบุอีกด้วยว่า Apple ใช้บริการคลังเก็บข้อมูลออนไลน์ของ Google มาตั้งแต่ปี 2016 แล้ว เพียงแต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาอย่างเป็นทางการก็เท่านั้น
ขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าอื่นๆ ที่ใช้บริการ Cloud ของ Google ก็มีตั้งแต่ ผู้ให้บริการชำระเงิน PayPal, Snap (Snapchat) และสตรีมมิงมิวสิก Spotify
ด้าน TechCrunch กล่าวว่าพวกเขาไม่ควรไปพึ่งพาผู้ให้บริการเจ้าอื่นๆ ทั้งที่ในเชิงการแข่งขันบนตลาดสมาร์ทโฟน Apple และ Google ก็ถือเป็นคู่แข่งกันโดยตรง แต่ทั้งคู่กลับมีความสัมพันธ์ในเชิงลูกค้า-พันธมิตรกัน เช่นเดียวกับ Amazon และ Microsoft พร้อมแนะให้ Apple พัฒนาระบบ Cloud ที่มีเสถียรภาพขึ้นมาใช้งานเป็นของตัวเอง
อ้างอิง:
- www.apple.com/business/docs/iOS_Security_Guide.pdf
- www.cnbc.com/2018/02/26/apple-confirms-it-uses-google-cloud-for-icloud.html
- www.theverge.com/2018/2/26/17053496/apple-google-cloud-platform-icloud-confirmation
- techcrunch.com/2018/02/27/apple-now-relies-on-google-cloud-platform-and-amazon-s3-for-icloud-data/