แม้ว่าไทยจะยังไม่มีธุรกิจซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าไอทีระดับโลก แต่การเปิดรับสินค้าไอทีของคนไทยถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินค้าไอทีให้กับแบรนด์ระดับโลก โดยเฉพาะแบรนด์ Apple เป็นธุรกิจที่เติบโตค่อนข้างโดดเด่นในระยะหลัง
หากมองจากบริษัทตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้กับ Apple เป็นหลัก ปัจจุบันมีผู้เล่นหลักอยู่ 4 ราย ได้แก่ บมจ.คอมเซเว่น (COM7), บมจ.เจ มาร์ท (JMART), บมจ.เอส พี วี ไอ (SPVI) และ บมจ.คอปเปอร์ ไวร์ด (CPW)
ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา ราคาหุ้นของทั้ง 4 บริษัทเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดย COM7 +55%, JMART +100%, SPVI +71% และ CPW +46% ส่งผลให้ราคาหุ้นของทั้ง 4 บริษัทเพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 60% ในช่วงเวลาเพียง 2 เดือนครึ่ง
ในแง่ผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้ จะเห็นว่า COM7 และ JMART เป็นสองบริษัทที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิของ COM7 เมื่อปีก่อนเติบโต 22.5% ส่วน JMART เติบโตถึง 49.5% ขณะที่กำไรสุทธิของ SPVI ลดลง 3% และ CPW ลดลง 29%
อย่างไรก็ตาม บริษัทเหล่านี้ถูกคาดหวังว่าจะยังเติบโตได้ในปี 2564 ด้วยแรงหนุนของผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Apple รวมถึงยอดขายของสินค้าไอทีประเภทอื่นๆ
สุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่าจากกระแสการปรับตัวเข้าสูยุคดิจิทัล หนุนให้มีการเปลี่ยนเครื่องมือสื่อสารจาก 4G เป็น 5G อย่างชัดเจนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะหลังจาก iPhone ใหม่เปิดตัวช่วงปลายปี 2563 แม้จะเปิดตัวมาแล้วราว 1 ไตรมาส แต่ยังคงเห็นยอดขายเติบโตในระดับสูงต่อเนื่อง เช่น จำนวนลูกค้า 5G ของ ADVANC ที่เดือนมกราคมขยับเพิ่มอีกเกือบ 2 แสนราย จากเฉลี่ยเดือนละ 1.2 แสนราย
ขณะที่ข้อมูลยอดขายของผู้ผลิตชิ้นส่วนให้ Apple ในไต้หวัน เดือนมกราคมที่ผ่านมาเติบโตราว 37% จากปีก่อน รวมถึงยอดขายมือถือจากต่างประเทศในประเทศจีน ซึ่งแทบทั้งหมดเป็น iPhone ในช่วง 2 เดือนแรก คาดว่าเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 190% โดยเชื่อว่าผู้จำหน่ายเครื่องมือถือไทยจะได้รับประโยชน์ชัดเจนเช่นกัน และมีแนวโน้มยาวนานอีก 1-2 ปี รวมสินค้า iPad ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และวัยทำงานในประเทศไทย
อย่างไรก็ดี ในบรรดาหุ้นตัวแทนจำหน่าย 4 บริษัท ได้แก่ COM7, JMART, SPVI และ CPW จะเห็นว่าสองผู้เล่นหลักอย่าง COM7 และ JMART ราคาหุ้นได้สะท้อนไปค่อนข้างมากแล้ว ในขณะที่หุ้นอย่าง SPVI ยังค่อนข้าง Undervalue อยู่ในช่วงก่อนหน้านี้ สะท้อนจากค่า P/E ปี 2564 ที่ 17.2 เท่า ขณะที่ COM7 มี P/E 41.8 เท่า JMART อยู่ที่ 31 เท่า และ CPW อยู่ที่ 25.3 เท่า
ทั้งนี้ หากพิจารณาสัดส่วนยอดขายสินค้า Apple ของผู้ประกอบการในกลุ่ม พบว่า SPVI มีสัดส่วนสูงสุดราว 90% ขณะที่สัดส่วนของ CPW, COM7 และ JMART อยู่ที่ 70%, 50% และ 20% ตามลำดับ หนุนให้ยอดขาย SPVI ในช่วง 2 เดือนแรกเติบโตถึง 50% โดยมาจากยอดขายสาขาเดิมราว 30% ซึ่งการเติบโตสูงส่วนหนึ่งเป็นผลจากที่ปีก่อนได้รับผลกระทบจากการปิดสาขา
“ปัจจุบัน SPVI ยังไม่ได้กระจายสินค้าไปยังแบรนด์ที่ไม่ใช่ Apple มากนัก ทำให้เมื่อสินค้าของ Apple ขายดี บริษัทจะได้ผลบวกโดยตรง และการที่ SPVI มีสาขาราวครึ่งหนึ่งอยู่ในสถาบันการศึกษา จึงได้แรงหนุนจากความต้องการใช้สินค้าอย่าง iPad ที่เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา”
ประกอบกับแรงขับเคลื่อนจากแผนเปิดสาขาใหม่ปีนี้ที่ 10 สาขา สูงกว่าสมมติฐานที่ 6 สาขา จากแรงผลักดันการเปิดสาขาพันธมิตร AIS ที่ต้องการเจาะตลาดในมหาวิทยาลัยซึ่ง SPVI เชี่ยวชาญ
โดยภาพรวมจึงปรับเพิ่มกำไรปี 2564-2565 โดยคาดว่ากำไรปีนี้จะเติบโต 50.9% ส่วนปีหน้าคาดเติบโต 20.1% พร้อมประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ใหม่ที่ 6.92 บาท อิง P/E 25 เท่า
ส่วนกรณีของ COM7 ราคาระดับนี้สะท้อนการเติบโตไปแล้ว เช่นเดียวกับ JMART ซึ่งแม้ว่ายอดขายสินค้าไอทีจะยังเติบโตดี แต่สัดส่วนกำไรหลักของ JMART ปัจจุบันมาจากธุรกิจไฟแนนซ์เป็นส่วนใหญ่
ด้าน บุณยกร อมรสังข์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป มองว่าการปรับขึ้นของหุ้นอย่าง COM7 และบริษัทอื่นๆ ที่ทำธุรกิจคล้ายกัน โดยหลักได้แรงหนุนจากยอดขายของผลิตภัณฑ์ Apple และภาพรวมของการซื้อสินค้าไอทีที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวสะท้อนไปในราคาหุ้นของ COM7 ค่อนข้างมากแล้ว
แม้ว่าแนวโน้มผลประกอบการของ COM7 จะยังเติบโตดี โดยคาดว่ากำไรสุทธิช่วงไตรมาส 1/64 น่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง หนุนจากยอดขาย iPhone 12 ที่เพิ่งเปิดตัวช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้ตอบรับไปค่อนข้างมากแล้ว จึงแนะนำเพียงถือ
“ในเชิงกลยุทธ์ สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้น COM7 อยู่แล้วมองว่ายังสามารถถือลงทุนต่อได้ ส่วนนักลงทุนที่ไม่ได้ถือหุ้นอยู่ก่อน ด้วยราคาหุ้นระดับนี้ถือว่าสูงกว่าพื้นฐานแล้ว”
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการ COM7 อาจจะมีอัพไซด์อีกราว 10-15% จากโอกาสในการเข้าไปบริหารร้านค้าไอทีใน Lotus หลังจากที่บริษัทได้เริ่มพูดคุยกับทางกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์บ้าง
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์