‘Think Different’ สโลแกนหลักของ Apple ตั้งแต่ปลายยุค 90 ซึ่งเป็นช่วงต้นๆ ของอิทธิพลจากชายที่มีชื่อว่า ‘สตีฟ จ็อบส์’
แต่จากงานเปิดตัว iPhone 14 เห็นได้ชัดว่า Apple กำลังทำในสิ่งที่ต่างออกไปจากเดิม เกี่ยวกับการทำการตลาดในยุคโควิด เศรษกิจที่ไม่แน่นอน สงคราม และปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ไทยขยับขึ้นเป็น Tier 1 แล้ว! Apple เปิดให้สั่งจอง ‘iPhone 14’ วันแรก 9 ก.ย. เริ่มวางจำหน่าย 16 ก.ย.
- สื่ออเมริกาตกใจ ‘iPhone 14’ ไม่ขึ้นราคา แต่ไม่ใช่ในไทยที่รุ่นเริ่มต้นเพิ่มขึ้น ‘อย่างน้อย 2,000 บาท’ แถมแพงกว่าญี่ปุ่นทั้งที่เงินเยนอ่อนค่ากว่ามาก
- “ก็ซื้อ iPhone ให้แม่สิ” ทิม คุก ซีอีโอจาก Apple กล่าวในประเด็นการใช้มาตรฐาน RCS กับ iMessage
รายงานของ CNN Business ชี้ว่า นี่ให้ความรู้สึกเหมือน ‘การฝึกอบรมการรับมือเหตุฉุกเฉิน’
ในวิดีโอ 3 นาทีกว่าๆ Apple วาง Position ตัวเองไว้เป็น ‘ผู้ช่วยชีวิตในยามวิกฤต’ ในคลิปแสดงให้เห็นว่า Apple Watch ขอความช่วยเหลือหลังมีคนตกลงไปใต้บ่อน้ำแข็ง ซึ่งนาฬิกาได้ส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะไปให้คนอื่นบริเวณรอบๆ นั้น หรือวัยรุ่นรอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในฤดูหนาวด้วยการโทรหา 911 ที่นาฬิกาของเธอ
นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจากแนวทางเดิมอย่างมาก จากที่เคยเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับความคิดสร้างสรรค์ สิ่งจำเป็นสำหรับช่างภาพ นักออกแบบ หรือคนที่ต้องการบันทึกการผจญภัยครั้งใหญ่ของตนและนำไปแชร์บนโซเชียล
แน่นอนว่ายังมีจิตวิญญาณพวกนั้นหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ยากที่จะอยู่เฉยกับข้อความที่ว่า ‘อุปกรณ์ของ Apple กำลังช่วยชีวิต’ มาเป็น ‘การไม่มีอุปกรณ์ของ Apple อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้’
“เป็นเรื่องน่าประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้เห็น Apple วางตำแหน่งอุปกรณ์ของตนให้เป็นผู้ช่วยชีวิตได้” Ramon Llamas ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของบริษัทวิจัยตลาด IDC กล่าว
ทั้งนี้ใน iPhone 14 นั้นมีฟีเจอร์ใหม่ไม่มากนัก และนี่คือสิ่งที่เพิ่มมาใหม่สำหรับอุปกรณ์ของ Apple อย่างเทคโนโลยีการตรวจจับเวลารถชนสำหรับ Apple Watch และ iPhone, เครื่องมือส่งสัญญาณ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม และการตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายสำหรับ Apple Watch
เหล่านี้เป็นความพยายามของ Apple ที่ต้องการโน้มน้าวให้ลูกค้ารู้สึกว่า เงินที่ถูกจ่ายออกไปนั้นคุ้มค่าที่สุดแล้ว
ในขณะเดียวกัน Haje Jan Kamps นักเขียนจาก TechCrunch กล่าวว่า Apple Watch Ultra เหมาะกับการดำน้ำอาชีพ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกล่าวเช่นนั้น
ก่อนอื่นเลยคุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับโรค Decompression หรือ ‘Bend’ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายมีฟองก๊าซไนโตรเจนสะสมมากเกินไปและก่อให้เกิดฟองน้ำในเลือด โดยอากาศปกติจะประกอบด้วยไนโตรเจนประมาณ 79% และออกซิเจนประมาณ 21% ซึ่งหากคุณหายใจเอาออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าไปใต้มหาสมุทรเพียง 6 เมตร หรือประมาณ 20 ฟุต ออกซิเจนจะเป็นพิษ และคุณอาจมีอาการชักได้ และนั่นจะกลายเป็นข่าวร้ายเมื่อคุณอยู่ใต้น้ำ
นาฬิกาดำน้ำถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณแน่ใจว่าจะไม่มีก๊าซไนโตรเจนอยู่ในเลือดเยอะเกินไป และเพื่อให้คุณว่ายขึ้นผิวน้ำในความเร็วที่พอดีเพื่อไม่ให้เกิดฟองอากาศในเลือด
Apple Watch Ultra เป็นเครื่องมือดำน้ำที่มีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ยอดเยี่ยม: การบันทึกข้อมูลของมันนั้นล้ำเลิศ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนในการดำน้ำ อัตราการเต้นของหัวใจ กิจกรรมทั้งหลายแหล่ พวกมันถูกบันทึกไว้ทั้งหมด
มีอัลกอริทึมในการคำนวณปริมาณไนโตรเจนในร่างกาย: เพราะเนื้อเยื่อบางชนิดรับและปล่อยไนโตรเจนได้ช้ากว่าส่วนอื่นๆ และร่างกายแต่ละส่วนมีความแตกต่างกัน ซึ่งจากการที่บริษัทได้ร่วมโครงการกับ ‘Oceanic’ แบรนด์ที่เชี่ยวชาญในการดำน้ำ บริษัทก็ประสบความสำเร็จในการเก็บข้อมูลส่วนนี้
นาฬิกาของ Apple มักไม่ค่อยพังระหว่างดำน้ำ: และถึงแม้พวกมันจะพังหรือว่ามีปัญหาจริงๆ พวกเขาก็จะป้องกันความเสียหายร้ายแรงที่สุด เหมือนกับที่นาฬิกาดำน้ำอื่นๆ ทำ อย่างการเตือนว่านาฬิกานั้น ‘ทำงานผิดปกติ’
เมื่อมีเรื่องฉุกเฉินและต้องขึ้นสู่ผิวน้ำ หากไม่มีนาฬิกาดำน้ำ มันก็เหมือนกับการหลับตาดำ: เพราะนาฬิกาดำน้ำส่วนใหญ่จะมีเกจวัดความลึก ซึ่งมันจะช่วยให้คุณรู้ว่าตอนนี้อยู่ลึกแค่ไหน และมันจะช่วยให้คุณขึ้นสู่ผิวน้ำได้อย่างปลอดภัย
ภาพ: Courtesy of Apple
อ้างอิง:
