กลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน (ASEAN Parliamentarians for Human Rights: APHR) ออกมาแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับคดียุบพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเสนอแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล เป็นการล้มล้างการปกครองนั้น จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อ สส. 44 คนที่เคยร่วมลงชื่อเสนอกฎหมายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
โดยหากพบว่ามีความผิดจริง สส. ทั้ง 44 คนอาจถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปตลอดชีวิต และการยุบพรรคก้าวไกลอาจส่งผลให้สมาชิกคณะกรรมการบริหารของพรรคถูกแบนทางการเมืองไปอย่างน้อย 10 ปี APHR มองว่า การกระทำดังกล่าวอาจบั่นทอนวาระด้านความก้าวหน้าและสิทธิมนุษยชนที่พรรคก้าวไกลส่งเสริมมาตลอดโดยไม่ตั้งใจ
เมอร์ซี บาเรนด์ส ประธาน APHR และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอินโดนีเซีย กล่าวว่า “ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ เราขอเรียกร้องให้ฝ่ายตุลาการไทยรักษาความเป็นอิสระของตน และพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลที่ตามมาจากการที่ฝ่ายตุลาการก้าวล่วงการใช้อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของไทย รวมถึงชื่อเสียงในระดับนานาชาติ”
ชาร์ลส์ ซานติอาโก ประธานร่วม APHR และอดีต สส. มาเลเซีย กล่าวว่า “รัฐสภาไทยกำลังเสี่ยงต่อการสูญเสียบทบาทในการตรวจสอบการใช้อำนาจ เมื่อสมาชิกรัฐสภาต้องเผชิญกับความเสี่ยงตลอดเวลาในการสนับสนุนการปฏิรูปผ่านอำนาจหน้าที่ของตน”
ด้าน อาร์ลีน ดี. โบรซัส สมาชิกรัฐสภาฟิลิปปินส์ และกรรมการ APHR กล่าวว่า “การยุบพรรคการเมืองควรถูกพิจารณาให้เป็นทางเลือกสุดท้ายเฉพาะในกรณีร้ายแรงเท่านั้น และต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และได้สัดส่วนตามระบบกฎหมาย การที่พรรคการเมืองสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงอย่างสันติไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอในการตัดสินยุบพรรค เราเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญไทยปฏิบัติตามหลักการที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติในการพิจารณาครั้งนี้”
ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร
อ้างอิง:
