×

กว่าจะมาเป็นเครื่องดื่ม Game of Thrones วอดก้าเหล้าบ๊วย รัมพร้อมดื่ม ชมวิวัฒนาการล้ำเบื้องหลังแนวคิดแก้วโปรด

05.03.2019
  • LOADING...
APAC Technical Innovation Center

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • เบื้องหลังแนวคิดเจ๋งๆ ของเครื่องดื่มเย็นเจี๊ยบที่เห็นในมือบ่อยครั้งนั้น มาจากทีมงานนักวิทยาศาสตร์ นักคิดค้นพัฒนาเครื่องดื่ม อันเกิดขึ้นที่ศูนย์นวัตกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC Technical Innovation Center) ที่ประเทศสิงคโปร์ และผู้อยู่เบื้องหลังนั้นเป็นผู้หญิง 5 คน จาก 5 ชาติ ได้แก่ จีน, ฮ่องกง, แคนาดา, อินโดนีเซีย และอังกฤษ
  • ‘Liquid Technologist’ หรือทีมนักวิจัยเผยว่า อาศัย 5 การรับรู้ (5 Senses) ช่วยในการระบุว่าคนจะสนใจผลิตภัณฑ์หรือไม่ โดยทำการทดสอบทางโสตประสาทสัมผัส (Sensory Test) เพื่อความเป็นกลางปราศจากอคติ และให้มั่นใจว่า สี รส และสัมผัส จะเข้าตานักดื่ม โดยเริ่มจากการตั้งคำถามง่ายๆ อาทิ ‘เพื่อนสาวชาวไทยดื่มอะไรกันที่บ้าน’ อันนำไปสู่เครื่องดื่มวอดก้ารสเหล้าบ๊วยสไตล์ญี่ปุ่นที่คิดขึ้นมาเจาะกลุ่มคนไทย

เคยสังเกตไหมว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เราจิบๆ กัน หรือเห็นหน้าบาร์ ไปยังหยิบจับง่ายในร้านสะดวกซื้อนั้น แท้จริงแล้วต้องผ่านกระบวนการคิดอะไรมาบ้าง ก่อนจะมาตกถึงมือนักจิบอย่างเราๆ

 

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2019 แบรนด์ขนมอย่าง Oreo ประกาศเปิดตัวคุกกี้รสช็อกโกแลตประทับตราตระกูลทั้ง 7 โดยเตรียมเปิดจำหน่ายเมื่อ ‘ฤดูหนาวมาเยือน’ หรือเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ ที่ปัจฉิมบทมหากาพย์ Game of Thrones จะออกอากาศ ซึ่งนับเป็นการจับกระแสความคลั่งก่อนฉายภาคสุดท้ายของ Game of Thrones ได้อย่างชาญฉลาด

 

ไม่แพ้กับแลปแลนด์ โฮเทล (Lapland Hotel) ที่เนรมิตอาณาจักรทั้ง 7 ออกมาเป็นโรงแรมน้ำแข็งธีมเวสเทอรอส ดึงดูดแฟนๆ ให้มุ่งสู่ฟินแลนด์กันยกใหญ่ ก่อนจะปิดโรงแรมก่อนเข้าฤดูร้อนปลายเดือนเมษายนนี้

 

นอกเหนือจากแนวคิดของบรรดาแบรนด์ของกินและโรงแรมที่จับกระแสป๊อปคัลเจอร์ได้อย่างเก่งกาจแล้ว เหล่าเครื่องดื่มดีกรีร้อนแรงก็ขยับตัวตามไม่แพ้กัน

 

APAC Technical Innovation Center

ใครอยากชิมไวต์วอล์กเกอร์ออนไอซ์บ้าง?

 

ก่อนหน้านั้นเราได้เห็นการจับมือร่วมกันอันชาญฉลาดของแบรนด์ที่ทำให้แฟนๆ ต้องตื่นตา อย่างการเปิดตัวเครื่องดื่มวิสกี้ Johnnie Walker รุ่น White Walker เมื่อปี 2018 ที่ตั้งชื่อตามไวต์วอล์กเกอร์ (White Walker) สิ่งลึกลับนอกกำแพงจากดินแดนที่หนาวนานนิรันดร์ในตำนาน จากหนังสือดังของ จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน (George R. R. Martin) ซึ่งเครื่องดื่มดังกล่าวมีกลิ่นของคาราเมล วานิลลา และพืชพันธุ์ผลไม้อย่างเบอร์รีสีแดง โดยแนะให้นักดื่มทั้งในและนอกอาณาจักรทั้ง 7 ดื่มคู่กับน้ำแข็งเย็นเจี๊ยบสดๆ จากช่องแช่แข็ง เพื่อสุนทรีของการจิบ และเพื่อได้ลิ้มรสของความหนาวเย็นในแดนของเหล่าไวต์วอล์กเกอร์

 

และเรายังได้เห็นซีรีส์ซิงเกิลมอลต์ทั้ง 7 ที่นักสะสมแฟนคลับชาวเวสเทอรอสต้องตาโตที่แทบจะไม่โปรโมตในไทย โดยหยิบเอกลักษณ์ของเครื่องดื่มซิงเกิลมอลต์มาเข้ากับเรื่องราวเบื้องหลังของตระกูลทั้ง 7 อาทิ Talisker ที่เป็นซิงเกิลมอลต์ที่มีกลิ่นไอแห่งท้องทะเล จากพื้นที่บ่มที่อยู่ได้รับลมทะเลเต็มๆ จึงเป็นที่มาของการประทับตราตระกูลเกรย์จอย (Greyjoy) ที่พื้นเพเป็นชาวประมง เป็นต้น

 

คอลเล็กชันซิงเกิลมอลต์ชุด Game of Thrones ที่ทำนักสะสมตาลุกวาว

 

การจับเทรนด์ได้อย่างรวดเร็วและว่องไวของแบรนด์ไม่ได้เกิดเฉพาะช่วงซีรีส์ทีวีดังเท่านั้น แต่คือการขยับตัวเข้ากับกลุ่มผู้บริโภคแต่ละพื้นที่ที่มีความต้องการต่างกันออกไป

 

ไม่นานมานี้ THE STANDARD ได้บุกเข้าชมศูนย์นวัตกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC Technical Innovation Center) ที่ทำการของ ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ ไทยแลนด์ (Diageo Moet Hennessy Thailand) ภูมิภาคเอเชีย อันเป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการใหญ่ของเอเชีย ณ ประเทศสิงคโปร์ ที่เราค้นพบว่าเบื้องหลังแนวคิดเจ๋งๆ ของเครื่องดื่มเย็นเจี๊ยบที่เห็นบ่อยครั้งนั้น แท้จริงแล้วมาจากทีมงานนักวิทยาศาสตร์ นักคิดค้นพัฒนาเครื่องดื่ม

 

ที่น่าสนใจคือพวกเขาเป็นผู้หญิง

 

APAC Technical Innovation Center

ทีมนักวิทยาศาสตร์หญิงเก่งผู้อยู่เบื้องหลังเครื่องดื่มที่เราเห็นจนคุ้นเคย

 

ทีมวิจัยและพัฒนานวัตกรรมนี้ประกอบไปด้วยบุคลากรหญิงมากความสามารถ 5 คน 5 สัญชาติ อันได้แก่ จีน, ฮ่องกง, แคนาดา, อินโดนีเซีย และอังกฤษ และพวกเธอนี่เองเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแนวคิดเด็ดๆ ที่เราเห็นมากมายในร้านสะดวกซื้อ

 

ศูนย์นวัตกรรมเครื่องดื่มแห่งนี้ยังได้สร้างนวัตกรรมเครื่องดื่มใหม่ๆ ผ่านการทำวิจัยและพัฒนา (Innovation R&D Centre) เครื่องดื่มในเครือของแบรนด์ทั้งในประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง ภายใต้แนวคิด ‘From grain to glass’ ที่สื่อถึงกระบวนการสร้างสรรค์เครื่องดื่ม โดยเริ่มตั้งแต่นำไลฟ์สไตล์และเทรนด์ผู้บริโภคมาวิเคราะห์ ทดลองสร้างสรรค์และผลิตเพื่อตอบโจทย์ จนถึงขั้นตอนการบรรจุลงขวดแก้วเตรียมส่งถึงมือนักจิบ

 

หนึ่งในนวัตกรรมที่เราได้เห็น (และอาจได้ลองจิบ) ที่มาจากฝีมือชั้นหัวกะทิของพวกเธอก็คือ Smirnoff Ice Umeshu ที่มีขายเฉพาะในประเทศไทย โดยถือกำเนิดจากการตั้งคำถามว่า “เพื่อนสาวดื่มอะไรกันที่บ้าน” คำถามง่ายๆ ที่นำไปสู่นวัตกรรมเครื่องดื่มยอดฮิต

 

APAC Technical Innovation Center

APAC Technical Innovation Center

กว่าจะออกมาเป็นวอดก้าเหล้าบ๊วยที่คิดค้นผ่านนวัตกรรมภายในศูนย์

 

นักวิจัยหญิงชาวอังกฤษในทีมได้ออกสำรวจเทรนด์การจิบของนักดื่มสาวชาวไทย และค้นพบว่า ผู้หญิงไทยนิยมดื่มเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่นอย่างเหล้าบ๊วย ที่ตอบโจทย์ความชอบในรสเปรี้ยวหวาน ดื่มง่ายแบบที่เอเชียคุ้นเคย ทั้งผู้หญิงไทยยังนิยมชวนเพื่อนๆ มาสังสรรค์ที่บ้านกันไม่น้อย เปิดดู Netflix หรือล้อมวงพูดคุยเข้าสังคมมากกว่านั่งหน้าบาร์เป็นกลุ่มใหญ่ แต่ถึงกระนั้นพวกเธอมองหาอะไรที่หยิบจับง่าย เปิดง่าย ทั้งยังมีรสหวานนำและมีกลิ่นบ๊วยแทรกอยู่ ดังนั้นจึงต้องเข้าถึงได้ง่าย และสามารถดื่มได้แบบคนเดียวและแบบแชร์ก็ได้ ทั้งยังให้ความรู้สึกไม่ต่างกับการดื่มหน้าบาร์หรือที่ร้านอาหาร กระบวนการคิดนี้ใช้เวลาราวๆ 6 เดือนในการสร้างสรรค์ออกมาเป็นวอดก้ารสบ๊วยดังที่เราเห็น

 

ขณะที่ในญี่ปุ่นแบรนด์เดียวกันยังผุดไอเดีย Midnight Max ในรูปแบบขวดที่สามารถแชร์กับเพื่อนร่วมงาน หรือก๊วนเพื่อนกลุ่มใหญ่ได้ สนับสนุนคนญี่ปุ่นให้เข้าสังคม ต่างจากแบบกระป๋องที่เหมาะกับดื่มคนเดียวมากกว่า

 

นอกจากนั้น ‘Liquid Technologist’ หรือทีมนักวิจัยยังเผยอีกว่า อาศัย 5 การรับรู้ (5 Senses) ช่วยในการระบุว่าคนจะสนใจผลิตภัณฑ์นั้นๆ หรือไม่ โดยทำการทดสอบทางโสตประสาทสัมผัส (Sensory Test) เพื่อความเป็นกลางปราศจากอคติ และเพื่อให้มั่นใจว่า สี รส และสัมผัส จะเข้าตานักดื่ม

 

APAC Technical Innovation Center

แคมเปญหมีขี้เกียจของออสเตรเลีย

 

ข้ามฝั่งไปยังออสเตรเลีย นักพัฒนาหญิงชาวออสเตรเลียกลับมองว่า ชาวออสซี่มักไม่นิยมดื่มเหล้ารัมกันนัก แต่นิยมดื่มเบียร์มากกว่า ด้วยเหตุผลว่า รู้สึกดื่มง่ายกว่า เบากว่า ทั้งยังหยิบจับง่าย เปิดง่าย และดื่มเมื่อใดก็ได้แม้ยามสายหรือบ่าย อันเป็นจุดกำเนิดของรัมพร้อมดื่มขนาดเดียวกับขวดเบียร์ นั่นคือ Bundaberg Lazy Bear กับรูปหมีขนปุยดื่มรัมริมหาด และแคมเปญชิลๆ ของเพื่อนจอมเอื่อยริมหาด

 

เครื่องดื่มนี้มีน้ำตาลต่ำกว่าซอฟต์ดริงก์โซดาชนิดอื่นๆ และยังมีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 3-3.5% เท่านั้น จากรัมเพียง 5% ใส่บางๆ ด้วยรสมะนาวชวนให้รู้สึกสดชื่นเมื่อจิบช่วงอากาศร้อนๆ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนออสเตรเลียเมืองแดดจัดที่ต้องการหาอะไรจิบยามบ่ายที่เบาและแอลกอฮอล์ไม่สูง ทั้งยังรู้สึกสดชื่นไปพร้อมกัน โดยนักวิจัยหญิงชาวแดนจิงโจ้เผยว่า เครื่องดื่มที่เธอคิดค้นให้ความรู้สึกสดชื่นแบบพอดี ไม่ต่างกับการดื่มจินเจอร์เอลหรือดื่มเบียร์เลย

 

APAC Technical Innovation Center

APAC Technical Innovation Center

Brancott Estate กับการคิดค้นไวน์แอลกอฮอล์ต่ำที่ดื่มได้เรื่อยๆ ตามกระแสสุขภาพ

 

รัมพร้อมดื่มดังกล่าวยังสอดรับกับเทรนด์ของผู้บริโภคของทั่วโลกที่เริ่มหันมาหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับฝั่งนิวซีแลนด์ ที่แบรนด์ไวน์อย่าง Brancott Estate เองก็เริ่มผลิตไวน์แคลอรีต่ำอย่าง Low-cal Flight ออกมาให้นักจิบไวน์ได้เลือก ทั้งโซวิญง บลองก์ และปิโนต์ กริจิโอ โดยเน้นกระบวนการผลิตให้ไวน์มีแคลอรีต่ำกว่าเดิมถึง 20% โดยมีเพียง 88 แคลอรีเมื่อรินใส่แก้ว 5 ออนซ์เท่านั้น และมีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำกว่า 10% ทำให้ดื่มได้เรื่อยๆ ไม่รีบหน้าแดงไปเสียก่อนเช่นกัน

 

แต่เทรนด์การดื่มจะไปในทิศทางไหน จะอิงละครดังเรื่องใดต่อไป เป็นปริศนาน่าตื่นเต้นชวนสนุกที่ชวนให้ทั้งนักดื่มและนักวิจัยคนเก่งต้องตั้งตาคอย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรดื่มอย่างพอเหมาะ ปลอดภัย และเมาไม่ขับ นั่นคือเรื่องสำคัญที่สุด

 

ภาพ: Courtesy of Diageo, Brancott Estate

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

FYI
  • ผู้บรรลุนิติภาวะควรดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ และไม่ควรขับขี่ยานพาหนะหากบริโภคแอลกอฮอล์
  • หมายเหตุ: สุราเป็นเหตุก่อมะเร็ง เซ็กซ์เสื่อม ก่อให้พิการและเสียชีวิต เป็นเหตุทะเลาะวิวาทและอาชญากรรม สามารถทำร้ายครอบครัวและทำลายสังคมได้
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X