วันนี้ (22 สิงหาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รับทราบรายงานจาก ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ทั้งนี้ พบว่าระหว่างวันที่ 16-22 สิงหาคม 2567 เกิดสถานการณ์ใน 10 จังหวัด และ ณ เวลา 06.00 น. เหลือพื้นที่ซึ่งยังมีสถานการณ์อุทกภัยอยู่ 7 จังหวัด ประกอบด้วย ลำปาง เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ เพชรบูรณ์ และอุดรธานี โดยสถานการณ์ส่วนใหญ่ระดับน้ำเริ่มลดลงหรือทรงตัว แต่มี 1 จังหวัด คือ จังหวัดน่าน ที่มีระดับน้ำเพิ่มขึ้น
อนุทินมีความห่วงใยในความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ประสบภัย กำชับกับอธิบดี ปภ. ว่า แม้สถานการณ์ภาพรวมจะคลี่คลาย แต่ด้วยขณะนี้ยังเป็นช่วงน้ำหลาก ขอให้ ปภ. ติดตามข้อมูลสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการช่วยเหลือประชาชนให้พร้อม ไม่เพียงในพื้นที่เกิดภัยในปัจจุบัน แต่ให้เตรียมพร้อมสำหรับพื้นที่อื่นๆ ในระยะต่อไป เช่นเดียวกับทุกปีที่จะเกิดอุทกภัยเริ่มจากภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ในช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงต้นปีถัดไป
ไตรศุลีกล่าวว่า อธิบดี ปภ. รายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยทราบถึงการเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัย ณ ปัจจุบันว่า ได้สนธิกำลังความช่วยเหลือของสำนักงาน ปภ. แต่ละจังหวัด หน่วยทหารในพื้นที่ อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จิตอาสา อปพร. อาสาสมัคร มูลนิธิ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสำรวจความเสียหาย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย มอบอาหาร น้ำดื่ม ขนย้ายสิ่งของ ยกของขึ้นที่สูง และเร่งระบายน้ำ
เฉพาะส่วนของ ปภ. โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยกระจายในพื้นที่ต่างๆ ประกอบด้วย รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย 5 คัน เรือท้องแบน 17 ลำ เครื่องสูบน้ำ 14 นิ้ว 13 เครื่อง รถสูบส่งน้ำระยะไกล 2 คัน รถไฮโดรลิก 1 คัน รถผลิตน้ำดื่ม 1 คัน และรถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยพร้อมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 1 คัน
นอกจากนี้ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) สั่งการให้หน่วยงานดำเนินการภายใต้ภารกิจอย่างเคร่งครัด ได้แก่ ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์เตือนภัยฯ ปภ. ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามข้อมูลสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำฝน น้ำท่า หอเตือนภัย พร้อมดำเนินการสื่อสารแจ้งเตือนประชาชน ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เข้าสนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยในพื้นที่อุทกภัย ด้านจังหวัดให้เร่งสำรวจความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือให้เป็นไปตามระเบียบที่กำหนด
ไตรศุลีกล่าวว่า สำหรับข้อมูลผลกระทบในพื้นที่ 7 จังหวัดที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัย พบว่า มีอุทกภัยใน 31 อำเภอ 105 ตำบล 541 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 12,777 ครัวเรือน แยกเป็นพื้นที่ในแต่ละจังหวัด ดังนี้
- จังหวัดลำปาง มีอุทกภัยใน 4 อำเภอ 9 ตำบล 16 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอวังเหนือ อำเภอแจ้ห่ม อำเภองาว และอำเภอแม่เมาะ บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 2 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
- จังหวัดเชียงราย มีอุทกภัยใน 10 อำเภอ 26 ตำบล 156 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเวียงชัย อำเภอเชียงแสน อำเภอป่าแดด อำเภอพญาเม็งราย อำเภอแม่สาย อำเภอแม่จัน อำเภอเทิง อำเภอเวียงแก่น อำเภอขุนตาล และอำเภอเชียงของ บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 7,511 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
- จังหวัดพะเยา มีอุทกภัยใน 6 อำเภอ 40 ตำบล 313 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอปง อำเภอเชียงม่วน อำเภอดอนคำใต้ อำเภอภูซาง อำเภอเมืองพะเยา และอำเภอเชียงคำ บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 3,500 ครัวเรือน ปัจจุบันไม่มีฝนตกในพื้นที่ ระดับน้ำลดลง
- จังหวัดน่าน มีอุทกภัยใน 3 อำเภอ 8 ตำบล 10 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเวียงสา และอำเภอนาน้อย บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 14 ครัวเรือน และดินสไลด์ ถนนหมายเลข 1081 ระหว่างบ้านง้อมเปาน้ำกลั่น ตำบลขุนน่าน ปัจจุบันพบว่า อำเภอท่าวังผา อำเภอเวียงสา และอำเภอเมืองน่าน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- จังหวัดแพร่ มีอุทกภัยใน 1 อำเภอ 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอร้องกวาง เบื้องต้นบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 23 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว
- จังหวัดเพชรบูรณ์ มีอุทกภัยใน 3 อำเภอ 6 ตำบล 22 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอวังโป่ง อำเภอชนแดน และอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 1,726 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว
- จังหวัดอุดรธานี มีอุทกภัยใน 4 อำเภอ 14 ตำบล 15 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอไชยวาน อำเภอกู่แก้ว และอำเภอเพ็ญ บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 1 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
