วันนี้ (10 เมษายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณี ไชยชนก ชิดชอบ สส. บุรีรัมย์ ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ประกาศกลางสภาไม่รับร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกับนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ ว่าตนไลน์ไปแจ้งท่านแล้วว่าสิ่งที่ไชยชนกอภิปราย เป็นความเห็นส่วนตัว ซึ่งพรรคก็มีแนวทางในเรื่องนี้แล้ว
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีโอเคและไม่ได้ติดใจอะไรใช่หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า มันก็ไม่ดีหรอก เพราะก่อนที่สมาชิกพรรคจะขึ้นอภิปราย พรรคต้องอนุมัติก่อน ซึ่งกรณีเมื่อวานพรรคไม่ได้มีการอนุมัติ
เมื่อถามว่าเมื่อวานนี้ได้มีการเคลียร์กับไชยชนกแล้วหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ยังไม่ต้องเคลียร์ รู้สึกว่าเขามีความเครียดเยอะ ซึ่งไชยชนกก็ไม่ได้แจ้งตนว่าจะขึ้นอภิปราย นี่คือเหตุผลที่พรรคจะมีการประชุมทุกครั้งก่อนที่จะประชุมสภา เพื่อที่จะรู้ได้ว่าสมาชิกคนไหนจะพูดเรื่องอะไรบ้าง เราไม่ได้มีมติว่าวันพรุ่งนี้จะให้มีใครขึ้นมาพูด ฉะนั้นตนก็ไม่รู้ เพราะถ้าพรรคมีมติให้ไชยชนกขึ้นมาพูดเรื่องอย่างนี้ ตนก็ต้องอยู่ในที่ประชุมสภา แต่นี่ตนไปทำงานอยู่ข้างนอก
เมื่อถามว่ามีการพูดคุยกับ เนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย ในฐานะบิดาของไชยชนกแล้วหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ก็คุยแต่อย่างที่ตนบอกว่าไชยชนกเขาพูดในนามของเขาเอง อย่าไปมองว่าเขาเป็นลูกชายของใคร ทุกคนสามารถมีความคิดเป็นของตัวเองได้ ถ้าเขาพูดในนามพรรคเมื่อไรค่อยเป็นประเด็น แต่นี่เขาพูดในนามส่วนตัวของเขา ก็เหมือนกับพรรคอื่นที่ร่วมรัฐบาล ก็มีคนที่ไม่เห็นด้วยเยอะแยะ บางพรรคก็มี 3-4 คนที่ไม่เห็นด้วย บางพรรคก็มีสมาชิกอีกหลายคนถึงขั้นออกแถลงการณ์มา ส่วนพรรคภูมิใจไทยตอนแรกคิดว่าจะไม่มี แต่ก็ดันมีแล้วคนหนึ่ง ซึ่งคิดว่าตนต้องไปแก้ไข แต่ยืนยันว่าไม่ใช่มติของพรรค ย้ำว่าแนวทางพรรคภูมิใจไทยยังเหมือนเดิม คือสนับสนุนรัฐบาล
เมื่อถามว่ารู้สึกอึดอัดหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า อึดอัดเมื่อวาน แต่วันนี้ไม่อึดอัดแล้ว ตอนที่ไชยชนกขึ้นพูดตนรู้สึกอึดอัดเพราะเป็นห่วง ลุ้น แต่ตอนนี้ไม่อึดอัดแล้ว เพราะมีความชัดเจนแล้วว่า พรรคภูมิใจไทยมีหนึ่งคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ นโยบายนี้ ซึ่งตนก็ต้องไปแก้ไข ต้องให้ไม่มีคนที่สอง คนที่สาม ส่วนกรณีความเห็นของ ชาดา ไทยเศรษฐ์ สส. อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย นั้นเป็นเรื่องของศาสนา
ส่วนที่มีคนมองว่าไชยชนกอภิปรายนั้น เป็นเลขาธิการพรรค ไม่ใช่สมาชิกธรรมดา อนุทินย้ำว่า ไชยชนกไม่ได้พูดในนามพรรค ถ้าเป็นเลขาธิการพรรคนั้นพูดแบบนี้ เพราะพรรคไม่ได้มีมติ ย้ำว่าพรรคมีแนวทางที่ชัดเจนจะสนับสนุนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล กรณีนี้ก็เช่นกัน ร่างพระราชบัญญัติทุกอย่างที่เข้าสู่สภาได้ก็ต้องผ่านคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยมีตั้ง 8 คน หนึ่งในนั้นเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เมื่อร่างนี้ผ่าน ครม. เข้าสู่สภาก็เท่ากับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเห็นชอบแล้ว ซึ่งแบบนี้ถือเป็นมติพรรค แต่การที่อยู่ๆ มี สส. คนหนึ่งที่พอดีท่านเป็นเลขาธิการพรรคแล้วลุกขึ้นอภิปรายในสิ่งที่ไม่ได้หารือกับพรรค อันนี้ต้องถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ เขามีสิทธิตนห้ามเขาไม่ได้
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ตนต้องพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีก่อน ซึ่งตนเขียนข้อความผ่านไลน์ไปขออภัยท่านนายกฯ แล้ว ตนคิดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย อย่างที่ตนบอกถ้าเรื่องสำคัญแบบนี้ ถ้าตนทราบว่าจะมีการอภิปรายแบบนี้ ถ้าเขาบอกตนก่อน ตนก็ต้องอยู่ในสภาด้วย แต่เมื่อวานตนมีภารกิจสำคัญมาก และไม่คิดว่าจะมีคิวที่ไชยชนกพูด
เมื่อถามว่าที่เกิดความสบายใจเพราะชี้แจงกับนายกฯ ให้เกิดความเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า สบายใจขึ้น แต่ถ้าถามในฐานะเลขาธิการพรรคและลูกหลานก็ไม่สบายใจเต็มที่ ซึ่งตอนไชยชนกพูดตนนั่งอยู่ในรถ ไม่ได้เห็นภาพก็นั่งเกร็งอยู่หลายระลอกเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็เร่งไปที่สภาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าจำเป็นอาจจะต้องลุกขึ้นแถลงว่าพรรคภูมิใจไทยไม่มีแนวคิดแบบนั้น แต่เรื่องนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล และเมื่อเข้าสภาเจอผู้สื่อข่าวก่อน ก็มีโอกาสได้พูดให้ผู้สื่อข่าวฟัง
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่ากระแสที่จะนำออกจากพรรคร่วมกลับมาอีกครั้ง อนุทินกล่าวว่า ตรงนั้นตนไม่ห่วง อย่างที่บอก แนวทางของพรรคภูมิใจไทยเรื่องนี้ผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว และเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ที่นายกฯ เรียกพรรคร่วมรัฐบาลคุยก็มีการแจ้งกันหมดแล้ว มีบางพรรคที่ 4-5 คนไม่เห็นด้วยก็แจ้งไว้ ซึ่งหัวหน้าพรรคบางพรรคบอกไม่มีปัญหา แต่ก็มีแถลงการณ์ออกมาไม่สามารถรับได้
ส่วนตนก็บอกว่าไม่ได้มีปัญหา พรรคภูมิใจไทยไม่เคยมีปัญหาแบบนี้ แต่ตอนนี้มีปัญหา 1 คนก็ต้องแจ้งท่านนายกฯ และเป็นหน้าที่ของตนที่จะไปบอก สส. ทุกคนของพรรค อย่าไปมองว่าไชยชนกเป็นลูกชายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเลขาธิการพรรค เพราะไชยชนกพูดในสภาว่าเป็นราษฎรคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าเป็นผู้แทนราษฎร ซึ่งตรงนี้เราห้ามเขาไม่ได้ หน้าที่ตนตอนนี้ก็ต้องไปคุยกับเขา คุณได้แสดงท่าทีออกไปแล้ว แต่ถ้าพรรคมีมติคุณต้องโหวต จะสวนมติพรรคไม่ได้ ถ้าสวนกับพรรคก็มีกฎระเบียบที่จะดำเนินการเหมือนสมาชิกพรรคทุกคน
เมื่อถามว่าเป็นคนกลางลำบากใจหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ลำบากใจสิ เวลาต้องมาเป็นกันชนลำบากใจแน่นอน เพราะตนเป็นกันชนถูกชนก่อน เราจะให้คู่กรณีไปชนกันไม่ได้ ลำบากใจ แต่ตนก็เป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องทำตามตน
เมื่อถามว่าปัญหานี้ถึงขั้นต้องปรับเปลี่ยนอะไรในพรรคหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า เดี๋ยวเราไปพูดคุยกัน เพราะเอกลักษณ์ของพรรคที่ทุกคนมีความภาคภูมิใจ เวลาไปพูดหรือเจรจากับใคร ตนให้ความมั่นใจกับพรรคร่วมรัฐบาล ตนก็บอกว่าไม่ต้องกังวล อย่างเช่นก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนที่จะรู้ว่านายกฯ โดนอยู่คนเดียว ตนก็แสดงความมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยสนับสนุนทุกคนที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เพราะฉะนั้นเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ และเอกภาพ ซึ่งตนเป็นหัวหน้าพรรคจะให้ใครมาทำลายและแตะไม่ได้ ถ้าใครมาแตะตรงนี้แล้วมีตำแหน่งก็ต้องดำเนินการ
