แอนโทนี ว่าที่ปีก ‘ร้อยล้าน’ คนใหม่ของทีมปีศาจแดง

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 สิงหาคม) The Athletic และอีกหลายสำนักข่าวใหญ่รายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสามารถบรรลุข้อตกลงกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม สโมสรฟุตบอลดังของเนเธอร์แลนด์ในการขอซื้อ แอนโทนี ปีกดาวรุ่งมาร่วมทีมได้เป็นที่เรียบร้อย

เรื่องนี้ไม่เป็นที่น่าตกใจนักเพราะทิศทางข่าวตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่ามีความพยายามที่จะทำให้เกิดการย้ายทีมขึ้น โดยเฉพาะฝั่งนักเตะเองที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการที่จะย้ายไปอยู่กับยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีกตามเจ้านายเก่าอย่าง เอริก เทน ฮาก และเพื่อนในทีมที่ไปก่อนแล้วอย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ

ที่น่าตกใจคือเรื่องค่าตัวของดาวเตะรายนี้ที่ตามรายงานข่าวจะอยู่ที่ 100 ล้านยูโร โดยจะเป็นการการันตีค่าตัวที่ 95 ล้านยูโร และมีออปชันในการจ่ายเพิ่มอีกเพียงแค่ 5 ล้านยูโรเท่านั้น ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงอย่างมาก และแตกต่างจากวิธีการเจรจาแบบสมัยใหม่ที่มักจะใช้การจ่ายเงินก้อนแรกส่วนหนึ่งและจ่ายตามเงื่อนไขตามลำดับขั้นต่างๆ

อะไรที่ทำให้สโมสรอย่างแมนฯ ยูไนเต็ดต้องยอมทำขนาดนี้?

เด็กในคาถาเทน ฮาก

อย่างแรกคือการที่ เอริก เทน ฮาก ต้องการตัวนักเตะรายนี้มาโดยตลอด เรียกได้ว่านอกเหนือจาก แฟรงกี เดอ ยอง แล้ว แอนโทนีคือนักเตะที่อยู่ในท็อปลิสต์ของผู้จัดการทีมชาวดัตช์มาโดยตลอด

เพราะนี่คือตัวทีเด็ดของอาแจ็กซ์ในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ในฐานะตัวริมเส้นที่มีความเร็วจัดจ้านและมีลีลาการเล่นในระดับส่งประกวด YouTube ได้ทุกสัปดาห์

เทน ฮากเคยกล่าวถึงแอนโทนีเมื่อครั้งดึงตัวมาจากเซาเปาโลด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2020 ว่า “แน่นอน เราหวังว่าเขาจะกลายเป็นดาวคนใหม่ของอาแจ็กซ์ ที่นี่เราพยายามจะไปให้สูงที่สุดเสมอ ดังนั้น ผมก็คาดหวังว่าเขาจะทำใหดีที่สุดเพื่อจะไปให้ถึงระดับที่สูงที่สุดของความคาดหวัง ส่วนเรื่องอื่นๆ เราค่อยรอดูกันในอนาคต”

สิ่งที่เทน ฮากได้รับจากเด็กวัย 19 ปีในวันนั้น ที่ปัจจุบันอายุ 22 ปีในวันนี้ คือนักเตะระดับคีย์แมนในแนวรุกของทีม ทำผลงานไม่เลวด้วย 25 ประตูจากการลงสนาม 82 นัด และได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติบราซิลด้วย

แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือแอนโทนีเป็นเหมือนลูกศิษย์คนโปรดของเทน ฮาก และแน่นอนว่าเมื่อย้ายมาเริ่มต้นทำงานกับสโมสรใหม่ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้คนที่รู้และเข้าใจกันมาร่วมงานด้วย

เรื่องนี้ ทิม วิกเกอรี ผู้สันทัดกรณีฟุตบอลอเมริกาใต้ให้ความเห็นว่า “ในตอนที่เทน ฮากมาที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ผมคิดว่าเดี๋ยวคงจะพาแอนโทนีไปด้วยแน่ เพราะเขาทำงานได้อย่างวิเศษในการช่วยพัฒนาเด็กคนนี้”

แอนโทนีจะอยู่ตรงไหนในแนวรุกปีศาจแดง?

แอนโทนีเป็นนักเตะที่ถนัดเท้าซ้ายและสามารถเล่นตัวริมเส้นได้ทั้งสองฟากฝั่ง เพียงแต่หากจะให้เลือกตำแหน่งที่ถนัดจริงๆ คือปีกขวา

และเชื่อได้ว่าเทน ฮากเองก็วาดฝันเอาไว้ที่จะเห็นแอนโทนียืนประจำการทางกราบขวาของทีมเช่นกัน แม้ว่าในปัจจุบันจะเป็นตำแหน่งของ จาดอน ซานโช ซึ่งก็ถนัดในตำแหน่งนี้มากกว่าจะให้ยืนปีกซ้ายเช่นกัน เพียงแต่ดาวเตะทีมชาติอังกฤษสามารถขยับไปยืนทางซ้ายได้ โดยทางซ้ายยังมี แอนโธนี เอลังกา อีกราย

ขณะที่ตำแหน่งศูนย์หน้าจะเป็นของ อองโตนี มาร์ซิยาล โดยมี มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นตัวทดแทนได้สบาย เช่นกันกับ คริสเตียโน โรนัลโด หากไม่สามารถค้นหาสโมสรใหม่ได้ทันเวลาตลาดนักเตะจะปิดตัวลงไป

สรุปแล้วหากไม่มีอะไรผิดพลาดแอนโทนีจะยืนเป็นตัวรุกริมเส้นฝั่งขวาที่จะทำให้แนวรุกของแมนฯ ยูไนเต็ดเพิ่มความอันตรายขึ้น วูบวาบและน่าดูชมมากยิ่งขึ้น โดยที่หากจำเป็นก็สามารถโยกไปทำหน้าที่อีกฟากได้เช่นกัน

เพียงแต่ด้วยสไตล์แล้วจอมเลื้อยชาวบราซิลไม่ได้เป็นสาย ‘โป้งเดียวจอด’ เหมือน เมสัน กรีนวูด (ที่อาจจะไม่ได้กลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพอีกแล้ว) เพราะไม่ได้มีความเด็ดขาดแบบนั้น จะเน้นทางการลากตัดจากขวาเข้าในเพื่อให้เข้าเท้าซ้ายข้างถนัดและสร้างโอกาสให้ทีมจากพื้นที่ ‘Half-Space’ เช่นครอสทแยงมุมเข้าไปในกรอบเขตโทษวางไปที่กลางเขตโทษหรือวางเลยไปอีกฟาก

แต่ที่แน่ๆ คือลีลาการเล่นจัดจ้านถึงใจเหมือนต้มยำใส่มะนาวแน่นอน

ทำไมค่าตัวถึงแพงนักแล้วจะคุ้มไหม?

เรื่องฝีเท้าและอนาคตที่ยังมีเส้นทางอีกยาวไกลนั้นก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่องที่มีคำถามกันเยอะคือค่าตัวที่สูงเท่านักเตะระดับโลก

ค่าตัวของแอนโทนีที่สูงขนาดนี้มาจากหลายเหตุผลด้วยกัน

อายุของนักเตะที่มีวัยแค่ 22 ปี และมีโปรไฟล์ดีในระดับทีมชาติบราซิล
ความสำคัญของนักเตะที่มีต่อทีม เป็นตัวระดับสำคัญสูงสุดของอาแจ็กซ์ที่สโมสรไม่อยากขาย
ไทม์มิ่งของการเจรจาไม่ดี มาเจรจากันจริงจังในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนตลาดการซื้อขายปิด เวลาเหลือน้อยคนขายไม่อยากขายจึงโก่งราคาสูงเป็นธรรมดา
ก่อนหน้านี้แมนฯ ยูไนเต็ดมาซื้อ ลิซานโดร มาร์ติเนซ แกนหลักในแนวรับไปแล้วหนึ่งคน ดังนั้นถ้าอยากจะมาชิงแกนหลักอีกคนก็ต้องจ่ายอย่างงามเท่านั้น
อาแจ็กซ์ไม่มีความเดือดร้อนทางการเงิน เพราะก่อนหน้านี้ปล่อยตัวหลักไปเกือบครึ่งทีมนอกจากมาร์ติเนซยังมี เซบาสเตียน อัลแลร์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, 28 ล้านปอนด์, ไรอัน กราเวนเบิร์ช (บาเยิร์น มิวนิก, 17 ล้านปอนด์, เพอร์ ชูร์ส (โตริโน, 8 ล้านปอนด์), นิโกลัส ตาเกลียฟิโก (ลียง, 3.8 ล้านปอนด์) ทำให้ถือความได้เปรียบอยู่มากกว่า

คำถามสำคัญที่จะตามมาคือ แล้วจ่ายระดับนี้จะคุ้มค่าหรือไม่?

เรื่องนี้มองได้หลายมิติ โดยในเชิงของการลงทุนเพื่ออนาคตแล้วแอนโทนีเป็นนักเตะที่ตอบโจทย์การทำทีมฟุตบอลสมัยใหม่ อายุน้อย มีศักยภาพจะไปได้ไกล หากจะย้ายทีมในอนาคตก็มีโอกาสจะทำเงินกลับมาได้

เช่นเดียวกับการซื้อเพื่อความพึงพอใจของแฟนฟุตบอลที่เรียกร้องให้มีการเสริมทีมเพื่อกลับไปสู่ความสำเร็จอีกครั้ง และการแสดงออกว่าฝ่ายบริหารสนับสนุนผู้จัดการทีมเต็มที่ สิ่งเหล่านี้ประเมินค่าไม่ได้

แต่ที่สุดแล้วจะคุ้มค่าหรือไม่นั้นเราตัดสินกันที่ผลงานในสนาม หากแอนโทนีมาแล้วสามารถสร้างความแตกต่างให้กับแนวรุกของแมนฯ ยูไนเต็ด มีเกมรุกที่ดีขึ้น เล่นเกมสวนกลับได้อันตรายขึ้น (อย่าลืมว่าแอนโทนีเข้าในบอลระบบของเทน ฮากดีอยู่แล้ว) ช่วยเพรสซิงได้ตั้งแต่แดนบน ทำให้ทีมมีความลงตัวมากขึ้นและกลับมาสู่เส้นทางของการลุ้นความสำเร็จอีกครั้ง

เช่นนั้นถือว่าคุ้มค่า ราคาเท่านี้ก็อาจจะไม่แพง