วันนี้ (2 มิถุนายน) สุรชาติ เทียนทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย เปิดใจก่อนอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณประจำปี 2566 ว่าตนเฝ้ารอวันนี้มากกว่า 3 ปี วันที่จะได้กลับมาทำงานที่สภาในฐานะตัวแทนของประชาชน กว่า 3 ปีที่ผ่านมา ตนเฝ้าติดตามการทำงานของรัฐบาลและการทำงานของสภามาโดยตลอด จนกระทั่งถึงวาระการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2566 วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตที่แสนสาหัสอีกครั้ง ซึ่งมีหลายปัจจัยที่สามารถชี้วัดได้ถึงวิกฤตอันแสนสาหัส เช่น หนี้สาธารณะที่คงค้างกว่า 10 ล้านล้านบาท, หนี้ครัวเรือนต่อ GDP สูงสุดในรอบ 18 ปี, การจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการหลายปีติดต่อกัน เพียงแค่ 3 ประเด็นนี้ก็ทำให้ทราบแล้วว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตร้ายแรง
ทั้งนี้หากมีการบริหารจัดการและเตรียมพร้อมที่ดี และหลักในการบริหารในสภาวะวิกฤตเช่นนี้จะต้องใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าที่สุด และต้องรู้ว่าสิ่งใดคือทรัพยากรที่มีค่า ซึ่งรวมถึงภาวะผู้นำที่ดี แต่การติดตามผลงานของรัฐบาลชุดนี้ยังไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ในหลักการบริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ประเทศไทยเผชิญกับโควิดอย่างน้อย 2 ปี
“ไม่เห็นการบริหารที่ดี การบริหารไม่มีการปรับเปลี่ยน ยังคงใช้ทัศนคติ วิธีการเดิม รวมถึงการจัดทำงบประมาณของรัฐบาลที่ใช้หลักคิดเดิม หากร่าง พ.ร.บ.นี้เข้าสู่วาระที่ 2 แน่นอนว่าจะต้องใช้วิธีเดิมๆ”
สุรชาติได้ยกตัวอย่างการใช้งบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ถูกตัดลดงบประมาณสวนทางกับสิ่งที่ควรจะเป็น ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด ประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤตที่เกิดขึ้น เด็กนักเรียนจำเป็นที่จะต้องเรียนออนไลน์ แต่ปีการศึกษานี้เป็นปีการศึกษาแรกที่เด็กนักเรียนกลับมาเรียนแบบออนไซต์อีกครั้ง แต่กลับถูกตัดลดงบประมาณทิ้ง มองว่ารัฐบาลควรอัดฉีดงบประมาณเพื่อสร้างคุณภาพให้เด็กไทยดีขึ้น และทำให้โรงเรียนเป็นที่พึ่งของเด็กนักเรียนและเป็นที่พึ่งของผู้ปกครอง โดยเฉพาะในภาวะยุคข้าวยากหมากแพงที่จะต้องออกไปทำมาหากินเพื่อกลับมาเลี้ยงดูครอบครัว
สำหรับงบประมาณของกระทรวงกลาโหมที่ถูกตัดลดงบประมาณจริง แต่ลดลงเพียง 2% ท่ามกลางสภาวะที่ประชาชนอดอยาก แต่ประเทศไทยยังหมดงบประมาณไปกับการซื้ออาวุธด้านความมั่นคง ซึ่งในสภาวะนี้มองว่าไม่สมเหตุสมผล งบประมาณเกือบ 2 แสนล้านบาท ถือเป็นงบที่สุรุ่ยสุร่ายและตรวจสอบไม่ได้
ในส่วนงบประมาณหน่วยงานของรัฐสภาเอง ปี 2566 ได้รับการจัดสรรงบประมาณที่ 8,088 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงบประมาณอาหาร ระหว่าง ส.ส. ที่ได้ค่าอาหารต่อวันที่ 861 บาทต่อคน แต่งบอาหารกลางวันของเด็กกลับได้เพียงมื้อละ 21 บาทต่อคน ขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำของประชาชนยังอยู่ที่ 330 บาท ดังนั้นจึงมองว่าเป็นการตั้งงบที่สวนทางกับความเป็นอยู่ของประชาชน เราเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากประชาชน ควรพึงสังวรและละอายใจในเรื่องนี้
สุรชาติกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องรักษาทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของประเทศไว้ก็คือประชาชน หากประชาชนไม่รอด ประเทศก็ไม่รอด เมื่อเห็นการใช้งบประมาณ ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการบริหารจัดการของรัฐบาลแล้ว มองว่าประเทศนี้เกิดความล้มเหลวไปแล้ว
สุรชาติกล่าวว่า สำหรับภาวะผู้นำในสภาวะวิกฤตนั้นมีความสำคัญมากที่จะนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากวิกฤตไปได้ ตนไม่เคยมีอคติกับนายกฯ ลงพื้นที่มีหลายคนเดินมาบอกว่านายกฯ เป็นคนดี แต่ความเป็นคนดีกับความเป็นคนที่เหมาะสมในการบริหารงานแตกต่างกัน ทัศนคติของนายกฯ ที่มีต่อประชาชน หลายครั้งสะท้อนให้เห็นว่าท่านมีทัศนคติที่มองเห็นคนอื่นเป็นศัตรู และไม่รับฟังประชาชน
“รัฐบาลใดก็แล้วแต่ที่ถามหาสำนึกจากประชาชน ในขณะที่รัฐบาลนั้นยังไม่สามารถทำให้พวกเขาได้มีโอกาสที่จะรักษาชีวิตและปากท้องของเขาไว้ได้ รัฐบาลและผู้นำคนนั้นไร้ซึ่งความรับผิดชอบ”
สุรชาติกล่าวว่า อย่างไรก็ตามมองว่าขณะนี้นายกฯ มีทางเลือกอยู่เพียง 2 ทางคือ การยุบสภา และหากนายกฯ เลือกที่จะอยู่ต่อ ต้องขอกราบท่านนายกฯ ให้ปรับทัศนคติทั้งการบริหารและการสื่อสารกับประชาชน จึงขอใช้สิทธิไม่รับร่าง พ.ร.บ.นี้
