×

แอมเนสตี้ และ ICJ เรียกร้องดีเอสไอนำตัวผู้สังหารบิลลี่มาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม

05.09.2019
  • LOADING...
Amnesty International

เมื่อวานนี้ (4 ก.ย.) คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (International Commission of Jurists – CJ) และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล (Amnesty International) ออกแถลงการณ์ร่วม หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แถลงว่าได้ค้นพบชิ้นส่วนร่างกายของร่างกายของ พอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ นักสิทธิมนุษยชนเพื่อกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกะเหรี่ยง 

 

ทำให้การเฝ้ารอบนความไม่แน่นอนมาเป็นเวลาหลายปีของครอบครัวเขาจบลงด้วยความเศร้าโศก ความคืบหน้านี้ควรนำไปสู่ความพยายามที่จะหาตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังการบังคับบุคคลให้สูญหายซึ่งเป็นอาชญากรรมร้ายแรง และนำตัวผู้เกี่ยวข้องที่กระทำความผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

 

โดยในวันที่ 3 กันยายน 2562 กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม แถลงว่าเจ้าหน้าที่ได้พบชิ้นส่วนกระดูก ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วน่าเชื่อว่าเป็นของบิลลี่ โดยพบอยู่ในถังน้ำมันที่จมน้ำบริเวณสะพานแขวนในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

 

ทางด้าน เฟรเดอริก รอว์สกี ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ICJ เผยว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษควรเพิ่มความพยายามมากขึ้นเพื่อระบุตัวผู้ที่กระทำการสังหารบิลลี่ และนำตัวพวกเขามาสู่กระบวนการยุติธรรม

 

“ถ้าประเมินพยานหลักฐานและพบว่าบิลลี่ตกเป็นเหยื่อของการบังคับบุคคลให้สูญหาย ผู้กระทำความผิด รวมทั้งผู้ที่มีหน้าที่ในการบังคับบัญชาบุคคลดังกล่าวควรถูกดำเนินคดีในข้อหาที่เหมาะสมและร้ายแรงโดยสอดคล้องกับพันธกรณีของประเทศไทยตามกฎหมายระหว่างประเทศ มิใช่การตั้งข้อหาตามความผิดอาญาที่เบากว่าและไม่สะท้อนความร้ายแรงของความผิดที่เกิดขึ้น”

 

ขณะเดียวกัน นิโคลัส เบเคลัง รักษาการผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่าคดีนี้สะท้อนให้เห็นความเสี่ยงอย่างแท้จริงที่นักกิจกรรมและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการถูกทำร้าย หรือตกเป็นเหยื่อของการบังคับบุคคลให้สูญหาย และการสังหารที่ไม่สมควรได้รับอย่างยิ่ง

 

“คดีนี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ถูกเพิกเฉยมาอย่างยาวนาน รัฐบาลไทยต้องกำหนดให้การบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นความผิดอาญาตามกฎหมายในประเทศ หากไม่ทำเช่นนั้นย่อมส่งผลให้ขาดกลไกที่เป็นอิสระ เป็นกลาง และมีประสิทธิภาพในการที่จะสอบสวนคดีเหล่านี้ ทั้งยังทำให้บรรยากาศการลอยนวลพ้นผิดเลวร้ายลง”

 

อย่างไรก็ตาม กรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่าชิ้นส่วนกระดูกที่ค้นพบมีสารพันธุกรรมตรงกับแม่ของบิลลี่ ซึ่งหมายถึงว่าเป็นกระดูกที่มาจากผู้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเธอ ทั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษปฏิเสธที่จะระบุชื่อผู้ต้องสงสัย และขอเวลาเพิ่มเติมในการสอบสวนคดีนี้และการตรวจสอบเศษชิ้นส่วนที่ค้นพบต่อไป

 

ภาพ: Amnesty International Thailand

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising