×

แอมมี่ ขึ้นศาลปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา คดี ม.112-วางเพลิงเผาทรัพย์ ชี้คลัสเตอร์เรือนจำสะท้อนความล้มเหลวรัฐ

โดย THE STANDARD TEAM
27.05.2021
  • LOADING...
แอมมี่

วันนี้ (27 พฤษภาคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย คดีหมายเลขดำ อ.1199/64 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ The Bottom Blues อายุ 32 ปี แนวร่วมกลุ่มราษฎร เป็นจำเลยในความผิด

 

  • ฐานร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ 
  • ฐานร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น 
  • ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร 

 

สำหรับวันนี้ไชยอมรได้เดินทางมาพร้อม อรวรรณ แก้ววิบูลย์พันธุ์ มารดา และ ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน 

 

ศศินันท์กล่าวว่า วันนี้เป็นวันนัดรายงานตัวหลังได้รับการประกันตัว และครบรอบการฝากขังไปเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ซึ่งเจ้าหน้าที่อัยการได้ยื่นฟ้องแอมมี่เข้ามาในข้อหาที่ปรากฏในข่าว โดยขั้นตอนเบื้องต้นคือการนำตัวแอมมี่ไปห้องเวรชี้เพื่อฟังการอ่านคำฟ้อง เนื่องจากทนายและจำเลยยังไม่ได้เห็นคำฟ้องว่ามีเนื้อหาอย่างไรบ้าง แต่ตามหลักหลังจากมีการอ่านคำฟ้อง ศาลจะสอบถามจำเลยว่าจะให้การอย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ 

 

ขณะที่ไชยอมรกล่าวว่า หลังจากได้รับอิสรภาพรู้สึกมีความสุขเพียงครึ่งเดียว เพราะนักโทษคดีทางการเมืองคนอื่นๆ ยังคงถูกคุมขังอยู่ เช่น อานนท์ นําภา, ภาณุพงศ์ จาดนอก และคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่สื่อ 

 

ส่วนกรณีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำนั้น ไชยอมรเผยว่า สิ่งที่กำลังต่อสู้ไม่ใช่การต่อสู้กับระบบราชทัณฑ์ แต่เป็นเรื่องของปัญหาเชิงโครงสร้าง จะมองว่ากรมราชทัณฑ์เป็นแพะในเรื่องนี้อย่างเดียวไม่ได้ เนื่องจากคลัสเตอร์เรือนจำเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

 

ในเวลาต่อมา ศศินันท์ ทนายความ เดินทางลงมาจากศาลอาญาและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนสั้นๆ ระบุว่า จากการให้การต่อศาล ไชยอมรให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และหลังจากนี้ศาลมีนัดตรวจพยานอีกครั้งในวันที่ 28 มิถุนายน 2564

 

พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising