AMC โรงภาพยนตร์ที่ใหญ่สุดในโลก ปรับกลยุทธ์เพิ่มราคาตั๋วในระดับต่างกัน โดยที่นั่งตรงกลางแพงสุด ส่วนแถวหน้าถูกสุด หวังเพิ่มยอดขายในช่วงที่คนเข้าโรงหนังน้อยลง
The New York Times รายงานว่า AMC Entertainment ซึ่งเป็นบริษัทโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปรับกลยุทธ์เตรียมเพิ่มราคาตั๋วชมภาพยนตร์ โดยมีระดับราคาแตกต่างกัน เริ่มจากที่นั่งตรงแถวกลางจะเป็นตั๋ว Preferred Sightline ซึ่งมีราคาแพงสุด ส่วนที่นั่งแถวหน้าสุดจะเป็นตั๋ว Value Sightline มีราคาถูกสุด และยังเป็นตั๋วที่นั่งให้กับคนนั่งรถเข็นและผู้ติดตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- AMC เครือโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังสร้างระบบเพื่อรับเหรียญ Bitcoin และ Ethereum แง้มอาจรับ Dogecoin และ Shiba Inu ปีหน้า
- AMC เชนโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่สุดของโลก เล็งรับ ‘Dogecoin’ สำหรับจ่ายเป็น ‘ค่าตั๋วหนัง’
- ‘AMC Entertainment’ ประกาศ ‘แจกป๊อปคอร์นฟรี’ ให้ผู้ถือหุ้นรายย่อย ช่วยดันมูลค่าบริษัทปีนี้พุ่ง 11,236%
ทั้งนี้จะเริ่มประกาศใช้ในปี 2023 ทุกสาขาของโรงภาพยนตร์ในอเมริกาที่มีอยู่ประมาณ 950 โรง และอีก 10,500 จอทั่วโลก โดยลูกค้าสามารถซื้อตั๋วได้ทั้งเคาน์เตอร์และออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันของบริษัท ขณะเดียวกันยังมีตั๋วรับชมราคาเดิม แต่ต้องเป็นรอบก่อนเวลาก่อน 16.00 น. ส่วนเด็กและผู้สูงอายุยังเป็นราคาเดิม
นอกจากนี้ยังมีการจัดโปรโมชันลดราคาในทุกวันอังคาร และหากเป็นสมาชิก A-List โปรแกรมความภักดีระหว่างลูกค้าและโรงภาพยนตร์ระดับสูงสุดของ AMC จะได้รับสิทธิส่วนลดต่างๆ
Eliot Hamlisch รองประธานบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ AMC อธิบายว่า การปรับราคาใหม่ถือว่าสอดคล้องกับรูปแบบการกำหนดราคาของการจัดงานประเภทอื่นๆ เช่น การแข่งขันกีฬา และงานคอนเสิร์ต รวมไปถึงการตอบโจทย์ผู้เข้าใช้บริการที่ต้องการสำรองที่นั่งในการรับชมภาพยนตร์ตามประสบการณ์ที่ต้องการได้มากขึ้น
สำหรับโครงสร้างราคาใหม่เริ่มมีผลในรอบการฉายภาพยนตร์ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ รวมถึงการฉายครบรอบ 25 ปีของภาพยนตร์ Titanic ที่กำลังจะมาถึง
กระทั่งนักแสดง Elijah Wood ได้เขียนบนแพลตฟอร์ม Twitter ส่วนตัวว่า ดูเหมือนว่าราคาใหม่ดังกล่าว AMC Entertainment จะเอื้อให้คนที่มีกำลังซื้อหรือมีฐานะร่ำรวย มากกว่าผู้ที่มีฐานะน้อยกว่า เพราะถ้าเทียบกับที่ผ่านมาโรงภาพยนตร์นั้นเป็นพื้นที่ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกเท่าเทียมกัน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาโรงภาพยนตร์ได้ทดลองใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย หลังจากคนเข้าเริ่มชมภาพยนตร์ลดลง โดยเฉพาะช่วงโควิดระบาด บวกกับการถูกดิจิทัลเข้ามาดิสรัปต์อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ Cineworld โรงภาพยนตร์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจาก AMC ยื่นฟ้องล้มละลายในช่วงเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา โดย Mooky Greidinger ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ออกมาระบุสั้นๆ ว่า ในช่วงโควิดระบาดนับเป็นช่วงเวลาที่ธุรกิจต้องเผชิญความยากลำบากอย่างมาก
อ้างอิง:
