Amazon อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาสซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า โดยเป็นผลการจากเติบโตของยอดขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และการลงทุนในบริษัทยานยนต์ไฟฟ้า Rivian
รายงานระบุว่า ยอดขายออนไลน์ของ Amazon ในไตรมาส 4 ปี 2021 ขยับเพิ่มขึ้น 9% ขณะที่การลงทุนในบริษัท Rivian ทำรายได้ให้ Amazon เกือบ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ รายได้โดยรวมทั้งหมดของบริษัทขยับขึ้นมาอยู่ที่ 137,400 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้จากในส่วนของ Amazon Web Service (AWS) อยู่ที่ 17,800 ล้านดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 17,370 ล้านดอลลาร์ และเติบโตขึ้นจากไตรมาก่อนหน้าเกือบ 39%
ผลดำเนินงานของ Amazon ซึ่งออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ และแนสแด็กฟิวเจอร์สฟื้นตัวขึ้นกว่า 200 จุดในช่วงเช้าวันนี้(4กุมภาพันธ์) หลังจากที่เมื่อคืน (3 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์และแนสแด็กปรับตัวลดลงรุนแรง เนื่องจากผิดหวังผลดำเนินงานของ Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ Facebook
ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายกำลังจับตามองสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาด หลังจากปรับตัวพุ่งทะยานแตะระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 โดยได้แรงหนุนจากมติที่ประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร หรือ OPEC+ ยืนกรานปฏิเสธเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อลดความร้อนแรงของราคาพลังงาน
รายงานระบุว่า ราคาน้ำมันเพิ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 2.2% ในช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ (3 กุมภาพันธ์) ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งเกิน 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2014
โดยจนถึงขณะนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว 37% จากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 65.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีรายงานการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน และผลจากการเข้าแทรกแซงตลาดของสหรัฐฯ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งทะลุ 90 ดอลลาร์ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และยังนับเป็นครั้งแรกนับตั้งเดือนตุลาคม 2014
อ้างอิง:
