อเล็กซานเดรีย โอกาซิโอ-กอร์เตส จากเด็กเสิร์ฟ สู่ ส.ส. หญิงที่อายุน้อยที่สุดในคองเกรส ตัวแทนคนรุ่นใหม่ในการเมืองสหรัฐฯ

ผลการเลือกตั้งมิดเทอมสหรัฐฯ ที่เพิ่งจะปิดฉากลงไปเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา ช่วยเน้นย้ำว่า ปี 2018 นี้เป็น ‘ปีของผู้หญิง (Year of The Women)’ ในสังคมการเมืองสหรัฐฯ อย่างแท้จริง นอกจากการเลือกตั้งในครั้งนี้จะมีผู้สมัครและผู้ได้รับเลือกเป็นผู้หญิงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในแง่ของจำนวนแล้ว ยังสะท้อนถึงแง่มุมของ ‘ความหลากหลาย’ ในพื้นที่เกมการเมืองสหรัฐฯ อีกด้วย

สภาคองเกรสของสหรัฐได้ ส.ส. หญิง 2 คนแรกในประวัติศาสตร์ที่เป็นชาวมุสลิมเข้าไปนั่งเก้าอี้ในสภา รวมถึงได้ ส.ส. หญิง 2 คนแรกของสหรัฐฯ ที่เป็นชนพื้นเมือง บางรัฐได้ผู้ว่าการรัฐเป็นผู้หญิงครั้งแรก เป็นคนผิวสีครั้งแรก บ้างก็มีผู้ว่าการรัฐเป็นคนเชื้อสายลาตินครั้งแรก หรือเป็นผู้ที่เปิดเผยรสนิยมทางเพศ และได้รับการเลือกตั้งเป็นครั้งแรก

แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ ในการเลือกตั้งมิดเทอมครั้งนี้ มีนักการเมืองชาวอเมริกันวัยเพียง 29 ปี ตัวแทนของคนรุ่นใหม่ สร้างประวัติศาสตร์ กลายเป็นผู้แทนหญิงที่อายุน้อยที่สุดในสภาคองเกรส

ทำลายสถิติเดิมที่เป็นของ เอลิซ สเตฟานิก ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ที่คว้าชัยในเลือกตั้ง ส.ส. เขต 21 รัฐนิวยอร์ก ในการเลือกตั้งมิดเทอมเมื่อปี 2014 ด้วยวัย 30 ปี

ชื่อของเธอคือ อเล็กซานเดรีย โอกาซิโอ-กอร์เตส

โอกาซิโอ-กอร์เตสคือใคร

สาวอเมริกันเชื้อสายเปอร์โตริโกคนนี้เกิดและเติบโตที่เมืองบร็องซ์ รัฐนิวยอร์ก มาจากครอบครัวชนชั้นแรงงาน พ่อของเธอเป็นสถาปนิก ในขณะที่แม่รับจ้างทำความสะอาดและขับรถรับส่งนักเรียน โชคร้ายที่พ่อของเธอได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งปอด ขณะที่เธอเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 หน้าที่ในการหารายได้เพื่อจุนเจือครอบครัว ทำงานใช้หนี้ เพื่อไม่ให้บ้านถูกยึดจึงเริ่มต้นขึ้น

กอร์เตสเป็นคนเรียนเก่งและมีความสามารถ เธอเคยคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จากการส่งผลงานวิจัยด้านจุลชีววิทยา เข้าร่วมแข่งขันในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ระดับนานาชาติ จนเธอได้รับรางวัลสุดพิเศษจากสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล (IAU) ให้มีดวงดาวเป็นของตัวเอง โดยตั้งชื่อว่า ‘23238 โอกาซิโอ-กอร์เตส’

เธอฝ่าฟันอุปสรรคและปัญหาต่างๆ จนสามารถคว้าปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยบอสตัน ด้วยผลการเรียนระดับเกียรตินิยม (Cum Laude) มานอนกอดได้สำเร็จ โดยระหว่างนั้นเธอยังคงทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ รวมถึงบาร์เทนเดอร์ในร้านอาหารและบาร์ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือสถานะทางการเงินของครอบครัว

https://twitter.com/JStein_WaPo/status/1011791408162799618

จากเด็กโนเนม มุ่งหน้าสู่สภาคองเกรสสหรัฐฯ

กอร์เตสเคยเผยว่า การเดินทางบนเส้นทางสายอาชีพนักการเมืองไม่เคยอยู่ในแพลนของชีวิตเธอมาก่อน การเป็นนักศึกษา เป็นนักกิจกรรม ได้ใกล้ชิดกับพลเมืองอเมริกันที่ประสบปัญหาในด้านต่างๆ ประกอบกับประสบการณ์ในการทำงานด้านการศึกษา เป็นทีมงานช่วยเหลือผู้ลี้ภัยให้กับอดีต ส.ว. จากรัฐแมสซาชูเซตส์ผู้ล่วงลับอย่าง เท็ด เคนเนดี และการเป็นทีมออร์แกไนเซอร์ให้กับ เบอร์นี แซนเดอร์ส ในช่วงหาเสียงขับเคี่ยวกับ นางฮิลลารี คลินตัน เพื่อช่วงชิงสิทธิในการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต สู้ศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 ทำให้เธอเริ่มสำรวจตรวจสอบตัวเอง จนพบเป้าหมายที่อยากจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงบ้านเกิดของตัวเอง โดยเธออาสาที่จะเป็นผู้หญิงหัวก้าวหน้ายุคใหม่ ที่เป็นตัวแทนของพลเมืองนิวยอร์กเขต 14 อย่างแท้จริง

“ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา นิวยอร์กเปลี่ยนแปลงไปเพื่อใคร การดำเนินชีวิตของคนอเมริกันชนชั้นแรงงาน อย่างเช่น ครอบครัวฉัน ยากลำบากเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ วัน ค่าเช่าสูงขึ้น สิทธิรักษาพยาบาลที่ครอบคลุมน้อยลงในขณะที่ค่าแรงเท่าเดิม มันชัดเจนว่า นั่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพื่อพวกเรา ถึงเวลาแล้วที่เราจะลุกขึ้นต่อสู้เพื่อนิวยอร์ก เป็นนิวยอร์กสำหรับทุกคน”

จากผู้สมัครโนเนม เธอสร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ให้ตัวเธอเองในการเลือกตั้งรอบแรก ด้วยการกวาดคะแนนเสียงเหนือ โจ ครอว์ลีย์ นักการเมืองวัยเก๋าจากพรรคเดโมแครต ผู้นั่งเก้าอี้ ส.ส. รัฐนิวยอร์ก มาแล้วถึง 10 สมัย ลงได้สำเร็จ และคว้าสิทธิ์การเป็นตัวแทนพรรคลงชิงชัยตำแหน่ง ส.ส. เขต 14 รัฐนิวยอร์ก สร้างเสียงฮือฮา และทำให้เธอเป็นที่น่าจับตามองอย่างมากในการเลือกตั้งมิดเทอมครั้งนี้

สาวเสิร์ฟรายนี้ยังคงเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เธอหาเสียงและโปรโมตแคมเปญของตัวเองจนวินาทีสุดท้าย พลเมืองนิวยอร์กในเขตของเธอรับรู้ได้ถึงความจริงใจและความรู้สึกที่อยากจะสร้างการเปลี่ยนแปลง พวกเขาเทใจให้เธอกวาดคะแนนเสียงอย่างท่วมท้นถึง 78% ทิ้งห่าง แอนโทนี ปัปปาส ผู้สมัครจากรีพับลิกันขาดลอย ทำให้เธอเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ กลายเป็น ส.ส. หญิงที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับเลือกให้เข้าไปนั่งในสภาคองเกรสของสหรัฐฯ

แนวนโยบายที่น่าสนใจของผู้หญิงที่เริ่มจากศูนย์

กอร์เตสสนับสนุนโครงการ Medicare for All ที่เปิดโอกาสให้พลเมืองทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาลของรัฐอย่างครอบคลุม เข้ารับการศึกษาฟรีในมหาวิทยาลัยของรัฐ อีกทั้งยังประกันการทำงานหลังเรียนจบ เพิ่มความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม ปกป้องสิทธิและเสรีภาพของกลุ่มผู้อพยพ รวมถึงลดขั้นตอนในการยื่นเรื่องขอสัญชาติและสิทธิความเป็นพลเมือง และผลักดันกฎหมายควบคุมอาวุธปืน เพื่อแก้ไขปัญหากราดยิงอย่างจริงจัง

แม้หลายฝ่ายจะวิพากษ์วิจารณ์แนวนโยบายของเธอว่า มีความเอียงซ้ายไปบ้าง แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเห็นด้วยและสนับสนุนความคิดของเธอ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา เธอเป็นผู้สมัครหญิงเพียงไม่กี่คนที่ไม่รับเงินบริจาคและเงินสนับสนุนจากนายทุนรายใหญ่ เธอเริ่มต้นจากศูนย์จริงๆ บนเส้นทางสายนี้

ถ้านับว่านี่เป็นการสอบกลางภาคเรียน ถือว่าเธอทำผลงานได้ดีในช่วงต้นนี้

นับจากนี้ เสียงของผู้หญิงที่ชื่อ อเล็กซานเดรีย โอกาซิโอ-กอร์เตส จะเปลี่ยนไป เสียงของเธอจะดังยิ่งขึ้นในฐานะผู้แทนของพลเมืองนิวยอร์ก เขต 14

เธอมีเวลา 2 ปี ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงและพิสูจน์ตัวเอง ก่อนที่ ‘การสอบไฟนอล’ ครั้งสำคัญจะมาถึง

เพื่อหาบทสรุปว่า เธอจะยังคงได้รับความไว้วางใจจากพลเมืองนิวยอร์ก ให้นั่งในสภาอันทรงเกียรตินี้อีกสมัยหรือไม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากเธอเลือกเดินบนถนนสายอาชีพในแวดวงการเมืองสหรัฐฯ สายนี้

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง: