เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS กล่าวว่า ภารกิจสำคัญของ AIS คือ การส่งมอบบริการที่ต่อเนื่องด้วยคุณภาพสัญญาณและนวัตกรรมที่พร้อมให้เชื่อมต่อได้เสมออย่างไม่มีข้อจำกัด ดังนั้นเราจึงไม่เคยหยุดยั้งในการพัฒนาเครือข่ายให้รองรับความต้องการได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ รวมถึงพื้นที่เดิมที่เคยครอบคลุมอยู่แล้วก็ต้องดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ บริเวณชายหาดทะเลของไทยซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 3,000 กิโลเมตรทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ที่ได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงามและความสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่ติดอันดับโลก
นอกจากจะเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกที่สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศมากถึง 1.21 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมาแล้ว ยังเป็นพื้นที่สำคัญในการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจชายฝั่งจากอุตสาหกรรมประมงทั้งชายฝั่งและประมงน้ำลึก, อุตสาหกรรมพัฒนาที่ดิน, อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และบริการที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่การทำงานของภาครัฐในการให้บริการประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นสาธารณูปโภค ผู้ให้บริการท่าเรือ และการเดินเรือต่างๆ เช่น เรือเฟอร์รี เรือยอชต์ เรือสปีดโบ๊ต รวมถึงผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และบริการทัวร์ทุกรูปแบบ
ดังนั้นที่ผ่านมาการบริหารจัดการคุณภาพเครือข่ายบริเวณชายฝั่งและกลางทะเล หรือ SEA COVERAGE จึงเป็นภารกิจหลักที่เราทุ่มเท เพื่อให้สามารถสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจชายฝั่งดังกล่าวได้อย่างดีที่สุด
วสิษฐ์อธิบายต่อถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลบนพื้นที่ทางทะเลว่า “การทำงานเพื่อขยายโครงข่ายทางทะเล หรือ SEA COVERAGE มีความท้าทายในการทำงานเป็นอย่างมาก เพราะลักษณะเฉพาะทางภูมิศาสตร์ตั้งแต่ชายฝั่ง เกาะ ไปจนถึงพื้นที่กลางทะเล รวมไปถึงแหล่งพลังงาน ทำให้ทีมวิศวกรต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ในการออกแบบสถาปัตยกรรมโครงข่าย
การผสมผสานระบบสื่อสัญญาณ (Transmission) พร้อมเลือกใช้นวัตกรรม โซลูชัน และรูปแบบของพลังงานทดแทนจากธรรมชาติอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับภูมิประเทศและพฤติกรรมของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม เพื่อให้โครงข่ายอัจฉริยะ AIS 5G มีความพร้อมมากกว่าระบบสื่อสาร แต่สามารถตอบโจทย์ทุกประสบการณ์ดิจิทัลของลูกค้าและผู้ประกอบการทุกกลุ่ม โดยสามารถแบ่งกลุ่มผู้ใช้งานตามพฤติกรรมและพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ดังนี้
- กลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (Tourism Sector) ครอบคลุมพื้นที่การใช้งานมากกว่า 95% ที่นอกเหนือจากกลุ่มนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการโรงแรม รวมถึงร้านอาหาร จะได้รับประโยชน์จากประสบการณ์ดิจิทัลบนโครงข่าย AIS 5G แล้ว
– หน่วยงานภาครัฐ เช่น หน่วยงานอุทยานแห่งชาติ กรมเจ้าท่า และตำรวจน้ำ ยังสามารถเชื่อมต่อการใช้งานระบบสื่อสารและบริการดิจิทัล อาทิ IoT และการจัดเก็บฐานข้อมูล (Tourism Smart Data) เพื่ออำนวยความสะดวกให้บริการนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
– กลุ่มผู้ประกอบการ เช่น ผู้ให้บริการเรือยอชต์ (Yacht Route) และเรือเฟอร์รี (Ferry Line) ที่โครงข่ายสื่อสารของ AIS มีความครอบคลุม ใช้งานได้ต่อเนื่องทุกเส้นทางการเดินทาง พร้อมนำนวัตกรรมอย่าง Super Cell มาทดลองทดสอบให้บริการจริงแล้ววันนี้ โดยสามารถส่งสัญญาณเชื่อมโยงระหว่างจุดต่อจุดได้สูงสุดกว่า 70 กิโลเมตร
- กลุ่มอุตสาหกรรมประมง (Fisheries Sector) และความปลอดภัย ในพื้นที่สองชายฝั่งทะเลของประเทศทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน โดยอุตสาหกรรมประมงมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจภาคพื้นทะเล หรือ Ocean Economy เป็นอย่างมาก ทั้งกลุ่มประมงพื้นบ้านและประมงชายฝั่งที่ใช้เรือขนาดเล็กทำประมงในระยะทางประมาณตั้งแต่ 3-12 ไมล์ทะเล รวมทั้งกลุ่มประมงเพื่อการพาณิชย์หรือประมงน้ำลึกที่ออกไปจับปลานอกเขตประมงชายฝั่ง ซึ่ง AIS สามารถให้บริการครอบคลุมพื้นที่ดังกล่าวได้ด้วยเช่นกัน
- กลุ่มชุมชนตามแนวชายฝั่งและบนเกาะ (Local Community Sector) ที่พัฒนาเครือข่ายครอบคลุมจำนวนผู้ใช้บริการกว่า 98% แล้วทั้งมือถือและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งตอบสนองเรื่องการทำธุรกิจของผู้ประกอบการท้องถิ่นและระบบสาธารณูปโภคที่ใช้ดิจิทัลเข้ามายกระดับ
“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณภาพของ AIS SEA COVERAGE จะพร้อมรับช่วงเวลาสำคัญปลายปีนี้ที่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างชาติจะเดินทางไปพักผ่อน รวมไปถึงเป็นช่วงพีคของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งเสริมเศรษฐกิจภาคพื้นทะเลให้เติบโตและแข็งแกร่งต่อไป” วสิษฐ์กล่าวทิ้งท้าย
[PR NEWS]