ราคาทองคำในตลาดโลกยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำสถิติสูงสุดใหม่หลังเพิ่มขึ้น 40% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
ปัจจัยหนุนสำคัญของทองคำมาจากความขัดแย้งระหว่างประเทศ รวมทั้งความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน
Joni Teves นักกลยุทธ์ด้านโลหะมีค่าของ UBS กล่าวว่า มุมมองต่อทองคำค่อนข้างเป็นบวกอย่างมาก เราคิดว่าปริมาณนักลงทุนที่จะเข้าถือทองคำยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้าและปีถัดๆ ไป ซึ่งจะช่วยให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นได้อีก
ความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ครั้งต่อไปในวันที่ 6-7 พฤศจิกายนนี้ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยผลักดันราคาทองคำในปีนี้ เนื่องจากทองคำไม่ได้ให้อัตราดอกเบี้ยใดๆ ราคาจึงมักจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง
ขณะนี้ธนาคารกลางทั่วโลกหลายแห่งอยู่ในโหมดผ่อนคลายนโยบายการเงิน เห็นได้จากการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดในยูโรโซน แคนาดา และสหราชอาณาจักร
แม้ว่าความต้องการทองคำแท่งจะลดลงเนื่องจากราคาที่สูงในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดหลัก แต่การซื้อจากธนาคารกลางกลับแข็งแกร่งมาก เนื่องจากพวกเขาต้องการกระจายเงินสำรองออกจากดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ การซื้อทองคำของธนาคารกลางทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 483 ตัน ตามข้อมูลของสภาทองคำโลก
นักลงทุนในกลุ่มประเทศตะวันตกยังคงแห่เข้าซื้อทองคำ โดยมีเงินทุนไหลเข้ากองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนที่อิงกับทองคำทั่วโลกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 เดือนติดต่อกัน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน
อ้างอิง: