เคยสังเกตไหมว่าผู้หญิงที่กำลังมีความรักมักจะดูมีออร่า ใบหน้าและแววตาดูสดใสเปล่งประกายจนอาจถูกทักอยู่บ่อยๆ ว่า “ไปทำอะไรมา ทำไมถึงสวยขึ้น” ตัวการสำคัญไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพราะพลังของเหล่า Feel-Good Hormones ได้แก่ โดพามีน (Dopamine), เอ็นดอร์ฟิน (Endorphin), เซโรโทนิน (Serotonin) และออกซิโทซิน (Oxytocin)
การมีความรักในช่วงแรกหรือที่ใครต่างเรียกว่าเป็นช่วงโปรโมชันมักจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจากการทำความรู้จักและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพียงเปิดหน้าจอมาเจอคำหวานก็ทำเอาหัวใจเต้นแรงหน้าแดงทุกที ภาวะนี้ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนโดพามีน ทำให้รู้สึกดีและผ่อนคลาย
นานวันความรู้สึกดีๆ ค่อยๆ ก่อตัวเป็นความสุข โมเมนต์แห่งความใจฟูจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน ที่นอกจากจะช่วยปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายได้อีกด้วย
เมื่อรู้สึกว่าโลกช่างหวานเป็นสีชมพู ฮอร์โมนเซโรโทนินที่ทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์และความเครียดก็จะทำงานอย่างสมดุล เมื่อเซโรโทนินทำงานได้ตามปกติเราจะรู้สึกสงบ, มีสมาธิ, มีความมั่นคงทางอารมณ์, ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า, นอนหลับอย่างมีคุณภาพ, ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดี และร่างกายเองก็ยังตอบสนองต่อความหิวและความอิ่มได้อย่างปกติ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมบางคนถึงเครียดแล้วหิว หยุดกินไม่ได้นั่นเอง
สุดท้ายเมื่อเราและคนรักแสดงออกถึงความรักผ่านการสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการจับมือ, กอด, จูบ ฮอร์โมนออกซิโทซินหรือที่เรียกกันว่าฮอร์โมนความรักก็จะทำงาน สิ่งที่ตามมาคือความรู้สึกผูกพัน เกิดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รวมไปถึงความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ
นอกจากนี้เหล่า Feel-Good Hormones ยังเก่งในการสู้กับฮอร์โมนตัวร้ายอย่าง คอร์ติซอล (Cortisol) ฮอร์โมนความเครียดที่ทำให้ร่างกายเสียสมดุลและแก่ไวขึ้น
เห็นได้ชัดว่าเมื่อเรามีความรักที่ดี เราก็จะมีความสุข เมื่อมีความสุข สุขภาพองค์รวมที่ดีก็จะตามมา นอกจากนี้ความรักก็ยังทำให้เราอยากดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นออกกำลังกาย, การดูแลผิวพรรณ หรือการเลือกกินอาหารดีๆ
ทั้งนี้ใช่ว่าคนโสดจะไม่มีสิทธิ์ปลดล็อกพลังของฮอร์โมนเหล่านี้ เพราะการได้รักตัวเองอย่างสุดใจ, การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัว เพื่อน หรือการกอดหอมแสดงความรักกับน้องๆ สัตว์เลี้ยง ก็สามารถทำให้เราดูสวยโกลวจากภายในได้ เชื่อสิว่าความรักนี่แหละคือ The best anti-aging treatment
อ้างอิง:
