ยุคนี้แก็ดเจ็ตความงามมีมากมายเต็มท้องตลาด หน้ากาก LED หรือ LED Mask ก็เป็นหนึ่งไอเท็มที่ได้รับความสนใจอย่างมาก แม้จะมีราคาสูง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหลายท่านยอมรับในประสิทธิภาพของมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพทย์ผิวหนังที่มักจะสงสัยในเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็ยังมีมุมมองที่ดีต่ออุปกรณ์นี้
หน้ากาก LED ใช้หลักการเดียวกับการรักษาในคลินิกแพทย์ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักที่ประกอบด้วย
- แสงสีแดง มีความยาวคลื่นยาวกว่า ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ลดริ้วรอย และฟื้นฟูผิวในชั้นลึก มีประสิทธิภาพในการซ่อมแซมความเสียหายและลดการอักเสบ
- แสงสีน้ำเงิน มีความยาวคลื่นสั้นกว่า มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาสิวและการอักเสบของผิวชั้นตื้น
ข้อดีของหน้ากาก LED คือปลอดภัยสูง แม้สำหรับสตรีมีครรภ์ ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดหรือรอยแผลเป็น และอาจช่วยบรรเทาอาการผิวหนังอักเสบได้ แม้แต่โรคผิวหนังที่รักษายาก เช่น โรคผิวหนังอักเสบ (Rosacea) อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็นโรคลมชัก ไมเกรน หรือมีปัญหาสีผิวเข้มผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ โดยเฉพาะการใช้แสงสีน้ำเงินควรระมัดระวังในผู้ที่มีปัญหาสีผิวเข้มผิดปกติ เนื่องจากอาจกระตุ้นการผลิตเมลานิน
การใช้งานหน้ากาก LED ค่อนข้างง่าย ไม่ต้องใช้ความพยายามมาก ทำให้รู้สึกเหมือนไม่ได้ทำอะไรเลย แต่นี่คือข้อดีและข้อเสียในเวลาเดียวกัน เพราะอาจทำให้ผู้ใช้ขาดแรงจูงใจในการใช้อย่างสม่ำเสมอ
แม้ว่าการวิจัยจะแสดงผลลัพธ์ที่ดี เช่น ผิวที่หนาแน่นและยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ต้องใช้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเป็นเวลานาน นอกจากนี้ราคาที่สูงอาจเป็นอุปสรรคสำหรับผู้บริโภคทั่วไป โดยหน้ากาก LED คุณภาพดีอย่าง SpectraLite ของ Dr Dennis Gross มีราคาสูงและต้องใช้เวลาหลายปีจึงจะเห็นผล จึงอาจสรุปเบื้องต้นได้ว่าหน้ากาก LED อาจคุ้มค่าสำหรับผู้ที่มีงบประมาณและความมุ่งมั่นในการใช้งานอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ควรละเลยการดูแลผิวพื้นฐาน เช่น การทำความสะอาดวันละ 2 ครั้ง การบำรุงความชุ่มชื้น และการใช้ครีมกันแดด ซึ่งยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลผิวให้มีสุขภาพดี
ภาพ: Courtesy of Dr Dennis Gross
อ้างอิง: