การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 44-45 ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ 8-11 ตุลาคม มีขึ้นท่ามกลางการจับตามองถึง ‘ผลลัพธ์’ และ ‘ทิศทาง’ ในการขับเคลื่อนภูมิภาคอาเซียน
โดยปีนี้วิกฤตขัดแย้งในเมียนมาและข้อพิพาทในทะเลจีนใต้กลายเป็นประเด็นใหญ่ของที่ประชุม ซึ่งอาเซียนวางบทบาทของตนเองไว้ชัดเจนในฐานะ ‘ผู้รักษาเสถียรภาพ’ ในความขัดแย้งต่างๆ
ขณะที่ภารกิจสำคัญสำหรับอนาคตของภูมิภาค คือการเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์สู่เป้าหมายวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2045 (ASEAN Community Vision 2045) ซึ่งจะกำหนดทิศทางของอาเซียนในอีก 20 ปีข้างหน้า
และนี่คือสรุปสาระสำคัญของการประชุมผู้นำอาเซียน ที่จัดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์และภาวะเศรษฐกิจโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความตึงเครียด
วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2045
ในปฏิญญาผู้นำอาเซียน ว่าด้วยการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์เพื่อดำเนินการตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2045 เน้นย้ำความสำคัญในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมเสาหลักทั้ง 3 ของประชาคมอาเซียน คือ
- ประชาคมการเมืองและความมั่นคง (ASEAN Political-Security Community: APSC)
- ประชาคมเศรษฐกิจ (ASEAN Economic Community: AEC)
- ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม (ASEAN Socio-Cultural Community: ASCC)
ขณะที่ยังมุ่งเน้นความเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่าแผนยุทธศาสตร์ต่างๆ ภายใต้วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2045 จะเป็นประโยชน์ และเป็นไปตามความคาดหวังของประชาชนในอาเซียน โดยยึดแนวคิดหลักคือ ‘ยืดหยุ่น สร้างสรรค์ มีพลวัต และมุ่งเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง’
ในการนำเอาวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2045 ไปปฏิบัติอย่างเห็นผลนั้น ที่ประชุมอาเซียนเห็นพ้องให้มีการตั้งคณะทำงานถึง 4 กลุ่มเข้าไปมีส่วนร่วม ได้แก่
- คณะทำงานระดับสูงว่าด้วยวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนหลังปี 2025 (ASEAN Community’s Post-2025 Vision: HLTF-ACV)
- คณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการบูรณาการทางเศรษฐกิจอาเซียน (High-Level Task Force on ASEAN Economic Integration: HLTF-EI)
- คณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ประชาคมอาเซียนหลังปี 2025 (Ad Hoc Working Group on Development of ASCC Post-2025 Strategic Plan)
- คณะกรรมาธิการประสานงานการเชื่อมโยงอาเซียน (ASEAN Connectivity Coordinating Committee: ACCC)
โดยคณะทำงานทั้ง 4 กลุ่ม จะต้องประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าแผนยุทธศาสตร์สู่วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2045 จะถูกนำไปปฏิบัติได้ทัน ก่อนที่จะมีการรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 46 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย ในปี 2025
คงแผนฉันทมติ 5 ข้อ แก้วิกฤตเมียนมา
วิกฤตขัดแย้งและการสู้รบในเมียนมายังคงเป็นประเด็นหลักของการหารือในการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งนี้ โดยยังเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลทหารเมียนมาส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง คือ ออง จอ โม (Aung Kyaw Moe) ปลัดกระทรวงการต่างประเทศของเมียนมาเป็นผู้แทนเข้าร่วมการประชุม
ในระหว่างการประชุม ผู้นำหลายชาติสมาชิกอาเซียนได้แสดงท่าทีกดดันให้รัฐบาลทหารเมียนมาและฝ่ายต่อต้านมีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบที่ยืดเยื้อ นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในเดือนกุมภาพันธ์ 2021
ขณะที่ปฏิญญาร่วมเกี่ยวกับการพิจารณาและดำเนินการตามแผนฉันทมติ 5 ข้อ เพื่อยุติความขัดแย้งในเมียนมา แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อความขัดแย้งและสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในเมียนมาที่ตึงเครียดมากขึ้น
โดยผู้นำอาเซียนได้แสดงท่าทีประณามความพยายามของรัฐบาลเมียนมาในการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นว่า ‘ไม่เพียงพออย่างมาก’ พร้อมทั้งประณามการโจมตีพลเรือน และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ‘ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อยุติความรุนแรงอย่างไม่เลือกปฏิบัติในทันที’
ขณะเดียวกันที่ประชุมอาเซียนยังเห็นพ้องให้ ‘คงแผนฉันทมติ 5 ข้อ ไว้เป็นแนวทางหลักในการแก้ไขวิกฤตในเมียนมา’ โดยมีเป้าหมายเพื่อ ‘การแก้ไขปัญหาอย่างสันติ โดยครอบคลุมและยั่งยืน’
เนื้อหาของแผนฉันทมติ 5 ข้อ ที่กำหนดขึ้นตั้งแต่การประชุมวาระพิเศษที่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย ในเดือนเมษายน 2021 เรียกร้องให้ยุติความรุนแรงและการเจรจาที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึง ‘ทุกฝ่าย’ ในความขัดแย้งของเมียนมา
อย่างไรก็ตาม ทางออกของปัญหานั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด โดยประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ยอมรับว่า แม้อาเซียนจะมีแผนฉันทมติ 5 ข้อ แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จในการแก้ไขวิกฤตขัดแย้งในเมียนมาได้จริง
สำหรับไทยในฐานะเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกับเมียนมา ก็มีความพยายามแสดงบทบาทและท่าทีต่อวิกฤตขัดแย้งในเมียนมาระหว่างการประชุมอาเซียนครั้งนี้
โดย มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยระหว่างการประชุมว่า ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในเรื่องเมียนมา (Extended Informal Consultation) ในช่วงกลางเดือนธันวาคมของปีนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจากสปป.ลาว ในฐานะประธานอาเซียน
ขณะที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำในการร่วมประชุมระดับผู้นำว่า ข้อเสนอดังกล่าวได้รับการตอบรับอย่างดีจากสปป.ลาว และประเทศสมาชิก ที่มองว่าเป็นข้อริเริ่มที่ดี โดยหลังจากนี้จะมีการประสานงานใกล้ชิดเกี่ยวกับรายละเอียดในการจัดการประชุม
ผลักดันเจรจาข้อพิพาททะเลจีนใต้
การประชุมอาเซียนครั้งนี้จัดขึ้นท่ามกลางกรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ที่ตึงเครียดมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเกิดการเผชิญหน้าระหว่างเรือของจีนและฟิลิปปินส์หลายครั้ง
ระหว่างการประชุมมีการแสดงท่าทีจากประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ที่เรียกร้องต่อผู้นำอาเซียนและ หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน ที่ไปร่วมการประชุม ให้เร่งจัดการเจรจาเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในทะเลจีนใต้ ขณะที่ย้ำข้อกล่าวหาต่อจีนว่ามีท่าทีคุกคามและข่มขู่ฟิลิปปินส์
“เป็นเรื่องน่าเสียดายที่สถานการณ์โดยรวมในทะเลจีนใต้ยังคงตึงเครียดและไม่เปลี่ยนแปลง เรายังคงถูกคุกคามและข่มขู่ต่อไป” มาร์กอสกล่าว
ขณะที่หลี่แถลงเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ นอกเหนือจากประเทศในอาเซียน ให้เคารพและสนับสนุนความพยายามสร้างสันติภาพของจีนในทะเลจีนใต้ และมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการสร้างสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค แต่ไม่มีการระบุชื่อประเทศใดอย่างชัดเจน
ด้าน เกา กิม ฮวน เลขาธิการอาเซียนคนปัจจุบัน กล่าวว่า อาเซียนกำลังผลักดันให้มีการเจรจาและใช้ช่องทางการทูตในการแก้ไขข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ขณะที่ยืนยันบทบาทของอาเซียนในฐานะผู้รักษาเสถียรภาพ
การแข่งขันจีน-สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน แอนโทนี บลิงเคน ที่เดินทางไปร่วมการประชุมอาเซียน-เอเชียตะวันออก แสดงความกังวลต่อท่าทีที่เป็นอันตรายและขัดต่อกฎหมายของจีนในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก พร้อมยืนยันว่าสหรัฐฯ สนับสนุนเสรีภาพในการเดินเรือและเสรีภาพในการบินเหนือภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
ทางด้านหลี่เฉียงกล่าวโดยอ้อมถึงสหรัฐฯ ในการประชุมผู้นำอาเซียนบวกสามวานนี้ (10 ตุลาคม) ว่า “ภูมิภาคเอเชียกำลังเผชิญกับความไม่มั่นคงและความไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการแทรกแซงของต่างชาติ ที่ถึงกับพยายามนำการเผชิญหน้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์เข้ามาในเอเชีย
“เอเชียได้รับผลกระทบจากการล่าอาณานิคมและการรุกรานในยุคสมัยใหม่ แต่ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาภูมิภาคของเรายังคงพัฒนาอย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเพราะประเทศในเอเชียได้เรียนรู้บทเรียนจากอดีต และพยายามที่จะรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค” เขากล่าว
ภาพ: Athit Perawongmetha / Reuters
อ้างอิง:
- https://asean.org/wp-content/uploads/2024/10/2-Final_ALD-on-the-Development-of-SPs-to-Implement-the-ACV-2045.pdf
- https://asean.org/wp-content/uploads/2024/10/4-Final_Review-and-Decision-of-the-ASEAN-LEADERS-on-the-5PC-2024.pdf
- https://thediplomat.com/2024/10/asean-again-urges-end-to-myanmar-conflict-but-struggles-for-way-forward/
- https://www.rfa.org/english/news/southchinasea/blinken-asean-china-territorial-disputes-10112024013639.html
- https://www.reuters.com/world/asia-pacific/asean-plays-stabilising-role-regional-tensions-secretary-general-says-2024-10-10/