×

พิธาออกสื่อในรอบเดือน ขอเวลา ‘ณัฐพงษ์’ พิสูจน์ตัวเอง แนะแพทองธารควรมีแผนบริหารประเทศ ป้องกันเมาหมัด งงภูมิใจไทยงดออกเสียงร่างกฎหมายประชามติ

โดย THE STANDARD TEAM
10.10.2024
  • LOADING...

วันนี้ (10 ตุลาคม) เวลา 13.00 น. ที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เข้าร่วมกิจกรรมแจกลายเซ็นหนังสือ เอาความกลัวไว้ข้างหลัง เอาความหวังไว้ข้างหน้า การบันทึกภาพการเดินทางทางการเมือง 2561-2567 ซึ่งเป็นหนังสือที่บันทึกภาพชีวิตบนเส้นทางการเมืองของพิธาตลอด 7 ปีที่ผ่านมา จากหนึ่งในผู้นำเสนอนโยบายของพรรคอนาคตใหม่สู่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล

 

พิธาปรากฏตัวในรอบเดือน มาด้วยสีหน้าชื่นมื่น ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายประชาชน และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ช่วงนี้ยังเดินทางตลอดทั้งต่างประเทศและต่างจังหวัด ตนเองพยายามที่จะเดินทางเพื่อพบปะประชาชนในพื้นที่ให้มากขึ้น และพยายามวางแผนการลงพื้นที่ทุกสัปดาห์ ขณะเดียวกันก็อยากลงพื้นที่น้ำท่วมในเวลาเหมาะสมและไม่เกะกะใคร 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร พิธากล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ารัฐบาลมีเป้าหมายจะทำอะไรบ้าง เลยไม่รู้ว่าจะต้องวิเคราะห์อย่างไร คนเป็นผู้นำควรมีวาระ 100 วันแรก ว่าตั้งใจจะทำอะไร เพราะหากไม่มีแผน เวลาเจอปัญหาเข้ามาก็จะเมาหมัด ไม่รู้ต้องทำอะไรก่อนหรือหลัง จึงอยากให้รัฐบาลมีวาระและความเข้าใจในการทำงาน เนื่องจากตอนนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทั้งปัญหาภัยพิบัติและปัญหาเศรษฐกิจ 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มองภาวะผู้นำของแพทองธารอย่างไรบ้าง พิธามองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เรื่องเนื้อหาเป็นเรื่องสำคัญกว่า ใครก็พูดผิดกันได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ต้องดูกันที่มีวิสัยทัศน์หรือไม่ มีกลยุทธ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ดีกว่า การอ่านสคริปต์จาก iPad เป็นเรื่องธรรมดามาก ไม่ได้เป็นสาระอะไรเลย

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความนิยมของพรรคประชาชนที่ลดลงตามหลังพรรคเพื่อไทย พิธายิ้มและกล่าวว่า ตนพูดตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกลแล้วว่า “แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร” จะเป็นเพชรได้ต้องใช้ทั้งความอดทน ความกดดัน ความร้อน และเวลา เชื่อว่า ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และเพื่อน สส. ของพรรค คงจะจำบรรยากาศจากอนาคตใหม่มาเป็นก้าวไกลได้ ซึ่งตนได้ใช้คำนี้ในที่ประชุมว่า หากเราผ่านกระบวนการนี้ไปได้ ทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี และขอส่งกำลังใจให้ เพราะเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เวลา 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องที่ทุกการเคลื่อนไหวของณัฐพงษ์ถูกนำมาเปรียบเทียบกับตน พิธากล่าวว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละคนที่จะวิจารณ์ ส่วนตัวตนมั่นใจในตัวณัฐพงษ์ ตอนที่พยายามจัดตั้งรัฐบาลณัฐพงษ์ก็อยู่ข้างตัว ตอนนั้นก็มีคนอยากให้ณัฐพงษ์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงมั่นใจว่าผ่านไปได้แน่นอน และที่กระแสหายไปนั้นก็ไม่เกี่ยวกับตนเอง เป็นเรื่องของกระบวนการ 

 

งงภูมิใจไทย ส่งสัญญาณอะไรกับสังคม

 

พิธายังกล่าวถึงกระแสข่าว เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เข้าไปรับประทานอาหารที่บ้านจันทร์ส่องหล้าว่า ตนไม่ทราบเรื่องส่วนตัวว่าคุยอะไรกัน การเมืองภาพใหญ่ประชาชนควรเป็นส่วนสำคัญในการที่จะคิดอะไร มีคนมาเล่าให้ฟังอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่จุดสำคัญที่จะต้องมาคอยโฟกัส เราควรโฟกัสในสิ่งที่เราควบคุมได้จะดีกว่า แต่หากอยากจะฝากบอกอะไรพรรคภูมิใจไทย ตนจะบอกว่าให้เน้นที่ประชาชนเยอะๆ 

 

ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทยงดออกในการลงมติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่..) พ.ศ. …. ซึ่งวุฒิสภาแก้ไขเพิ่มเติมให้ใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น จะสามารถสะท้อนได้หรือไม่ เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล พิธากล่าวว่า เรื่องนี้ตนก็งง เพราะวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมาโหวตผ่าน แต่คราวนี้งดออกเสียง ก็ต้องกลับไปถามพรรคภูมิใจไทยว่าต้องการที่จะส่งสัญญาณอะไรกับสังคม ไม่ว่าจะเป็นการทำประชามติ ว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้ภายในระยะเวลาเดือนกว่าๆ มีความคิดที่แตกต่างออกไป คงต้องฝากไปถามพรรคภูมิใจไทย

 

ขอให้ยุบพรรคก้าวไกลเป็นพรรคสุดท้าย 

 

พิธายังกล่าวถึงกรณี ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า คงเป็นการยืนยันว่าทุกพรรคการเมืองควรช่วยกันร่วมแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องจริยธรรม

 

พิธากล่าวต่อว่า เป็นเรื่องดีที่คนในสังคมควรจะมีจริยธรรม แต่ไม่ควรใช้เป็นอาวุธในการทำลายล้างกัน การจะร้องอะไรควรจะมีโทษที่ได้สัดส่วนกับการร้อง ซึ่งสิ่งที่สังคมร่วมกันจรรโลง คือการเห็นว่าจริยธรรมอันไหนเหมาะหรือไม่เหมาะ ไม่ควรใช้ลงโทษหรือตัดสิทธิทางการเมือง นี่น่าจะเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้นักการเมืองทุกพรรคร่วมกันพูดคุยเรื่องนี้ได้ว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญได้แล้ว 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ส่งกำลังใจให้พรรคเพื่อไทยอย่างไรหรือไม่ พิธากล่าวยืนยันคำเดิมว่า ขอให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคสุดท้ายที่เจออะไรแบบนี้ ขอให้การกระทำแบบนี้ ถ้าเลิกไปเลยได้ก็ดี แต่หากจะให้มีอะไรแบบนี้ โทษที่ได้ต้องได้สัดส่วน ไม่ใช่ปลดนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนเลือกมา หรือยุบพรรคที่ประชาชนตั้งกันมา มันไม่ควรมีอีกแล้วในการเมืองไทย การล้มล้างการปกครองในประเทศไทยมีเพียงอย่างเดียวคือการรัฐประหาร ซึ่งตนก็ไม่อยากเห็นพรรคเพื่อไทยถูกยุบ 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นคำร้องของธีรยุทธจะเสมือนเป็นการเปิดหน้าว่า ใครอยู่เบื้องหลังในการยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ พิธาระบุว่า ตนไม่ได้ใส่ใจถึงเรื่องนั้น แต่คิดว่าเป็นกระบวนการที่ไม่น่าเสียเวลาและเสียสมาธิ ซึ่งแพทองธารก็ต้องมีสมาธิในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ไม่ควรมาเสียเวลากับเรื่องอะไรแบบนี้ 

 

ส่วนมีความเห็นอย่างไรที่ข้อกล่าวหาล้มล้างการปกครองไม่ใช่พรรคก้าวไกลพรรคเดียวที่โดน พิธากล่าวว่า ความอปกติในระบอบประชาธิปไตยจะกลายเป็นความปกติไป เหมือนที่มีการทำรัฐประหาร 12 ครั้งในประเทศไทยแล้วรู้สึกว่ามันปกติ พอมีกระบวนการเช่นนี้ ทุกคนก็จะคาดเดาว่าแย่แน่นอน แต่ไม่ควรจะมีใครต้องเสียสมาธิในเรื่องแบบนี้ ควรนำสมาธินั้นมาทำนโยบายแข่งขันกัน เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X