วานนี้ (3 ตุลาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่ออุบัติเหตุรถบัสทัศนศึกษาของเด็กนักเรียนจากจังหวัดอุทัยธานีที่เกิดเพลิงไหม้ จนส่งผลให้มีครูและเด็กนักเรียนเสียชีวิต
ชัชชาติระบุว่า ถือเป็นเรื่องที่เศร้ามากๆ เป็นบทเรียนราคาแพง ในส่วนของตนเองได้สั่งการให้ ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่รับผิดชอบดูแลด้านการศึกษาของกรุงเทพมหานคร นำสิ่งที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียน เพื่อปรับปรุงให้เกิดความมั่นใจในการรับผิดชอบชีวิตเด็กๆ ของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
โดยรถบัสของกรุงเทพมหานครจะมี 2 ส่วน คือ รถของ กทม. เอง เช่น สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีประมาณ 80 คัน เพื่อจัดนักกีฬาไปแข่งจังหวัดต่างๆ ได้สั่งการว่าต้องเข้มงวดเรื่องการตรวจคุณภาพทั้งในแง่ของรถและคนขับ ส่วนรถที่ออกไปทัศนศึกษาต่างๆ ขั้นแรกคือต้องทบทวน TOR ที่จ้าง เพราะเป็นการจ้างคนนอกมา ซึ่งได้สั่งการให้ทบทวนให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เนื่องจากที่ผ่านมาแต่ละโรงเรียนอาจออก TOR ไม่เหมือนกัน โดยให้พิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ ยกตัวอย่างเช่น จะใช้รถแก๊สหรือไม่ การตรวจสอบอุปกรณ์ความปลอดภัยจะใช้รถสองชั้นหรือรถชั้นเดียว
เรื่องการทัศนศึกษาของ กทม. ซึ่งได้รับเงินที่รัฐบาลให้มา 300 บาทต่อหัว ส่วนใหญ่เป็นการทัศนศึกษาในกรุงเทพฯ ไปไกลสุดแค่สวนสนุกดรีมเวิลด์ จังหวัดปทุมธานี และส่วนใหญ่ก็จะมีรถตำรวจนำทุกครั้ง เพราะว่าเดินทางไปจำนวนมาก ฉะนั้นได้สั่งการให้ทบทวนความเหมาะสมในกรณีเด็กเล็กมากๆ อาทิ เด็กอนุบาล ว่าสรุปแล้วมีความเสี่ยงตรงไหน และจะเพิ่มมาตรการความปลอดภัยอย่างไรบ้าง
“กทม. ยังไม่ได้สั่งการให้หยุด แต่ให้พิจารณาตามความเหมาะสม คิดว่ากิจกรรมทัศนศึกษามีเหตุผลที่เป็นเชิงบวกในการพาเด็กไปหาประสบการณ์ ขณะเดียวกันคงต้องดูเรื่องเชิงลบควบคู่ด้วย” ชัชชาติกล่าว
ชัชชาติกล่าวต่อว่า ด้านกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี กทม. มีค่ายของตัวเองที่เขตดอนเมืองและทุ่งครุ ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นหลัก จากนี้คงให้หลีกเลี่ยงการเดินทางต่างจังหวัดให้มากที่สุด ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ให้ไป เพราะเป็นหน้าที่เราที่ต้องดูแลเด็กๆ แทนพ่อแม่เขา ซึ่งบางครั้งก็มีจุดที่อาจเป็นอันตรายได้
